วันพุธที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย

เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"

     ERGO แบรนด์ประกันภัยชั้นนำจากเยอรมันพร้อมยกระดับการให้บริการด้านประกันภัยรถยนต์ในประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งมอบประสบการณ์ด้านการเดินทางที่ง่ายขึ้นสำหรับคนไทย ผ่านคำมั่น  'Simple, Because it matters' และสงกรานต์ที่ผ่านมา ERGO ได้ส่งต่อปณิธานนี้ผ่านแคมเปญ #สงกรานต์นี้ไปไหนก็อุ่นใจกับเออร์โกประกันภัย เพื่อส่งเสริมชีวิตของคนไทยที่ง่ายให้เกิดขึ้นจริง

     ERGO เข้าใจปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนไทย และตั้งเป้าลดปัญหาอย่างตรงจุด ด้วยตระหนักถึงปัญหาเร่งด่วนด้านความปลอดภัยบนท้องถนน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือที่เรียกว่า "7 วันอันตราย" ERGO เข้าใจความท้าทายที่นักเดินทางชาวไทยต้องเผชิญ จากการวิจัยและการวิเคราะห์ที่ครอบคลุม ERGO เล็งเห็นถึงความจำเป็นของการลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในช่วงเวลาสำคัญนี้ที่มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากทุกปี ERGO ในฐานะเป็นแบรนด์ประกันภัยที่ต้องการเห็นชีวิตของคนไทยง่ายขึ้น โดยเฉพาะการเดินทางในช่วง 7 วันอันตราย จึงวางกลยุทธ์เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุด ด้วยการขยายความปลอดภัยให้ทุกคนเข้าถึงได้มากขึ้น ไม่เพียงแต่ลูกค้าของ ERGO แต่ยังรวมถึงนักเดินทางทุกคนที่ใช้รถบนท้องถนนด้วย

        ร่วมมือกับภาครัฐ ขยายผลเชิงบวก ตั้งเป้าลดจำนวนอุบัติเหตุบนท้องถนนให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ผู้ใช้รถใช้ถนนมีชีวิตที่ง่ายขึ้น ERGO จึงได้จับมือเป็นพันธมิตรกับกรมทางหลวง เพื่อขยายผลการลดจำนวนอุบัติเหตุ ผ่านการส่งรถสไลด์ช่วยเหลือของ ERGO ไปประจำการยังเส้นทางสู่ภูมิภาค 5 จุดหลักซึ่งเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ การส่งรถสไลด์ในครั้งนี้นอกจากจะเป็นการเพิ่มกำลังพลให้กับกรมทางหลวงแล้ว ยังเป็นการเพิ่มหน่วยช่วยเหลือที่เข้าแก้ไขปัญหาให้กับผู้ใช้ถนน ณ จุดเกิดเหตุได้ทันที โดยความร่วมมือนี้ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในกิจกรรมปล่อยขบวนรถรณรงค์ความปลอดภัยทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2567 เมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากที่มาร่วมกันเป็นสักขีพยาน เพื่อช่วยกันทำให้ชีวิตบนท้องถนนของทุกคนง่ายขึ้น

        ความร่วมมือระหว่าง ERGO และกรมทางหลวงในครั้งนี้ ช่วยสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนให้กับคนเดินทางได้มากกว่า 200 รายตลอดช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทั้งการเปลี่ยนยางอะไหล่ พ่วงแบตเตอรี่ เติมลมยาง ไปจนถึงสไลด์รถไปยังจุดใกล้เคียง เพราะถึงแม้จะเป็นเหตุขัดข้องเพียงเล็กน้อยแต่ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุอื่น ๆ บนท้องถนนตามมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุบัติเหตุรถชนต่อเนื่องกันเป็นแนวยาวซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยที่สุด ความร่วมมือระหว่าง ERGO และกรมทางหลวงครั้งนี้ นับเป็นการเริ่มต้นการเดินทางที่ปลอดภัยและเข้าถึงได้มากขึ้น เพื่อให้คนไทยทุกคนมีชีวิตที่ง่ายขึ้นอย่างแท้จริง

       นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ ERGO ตามพันธกิจที่ต้องการยกระดับชีวิตคนไทยให้ง่ายขึ้น และมุ่งมั่นที่จะสร้างมาตรฐานการดูแลคนไทยให้ไม่น้อยไปกว่ามาตรฐานจากประเทศเยอรมัน ด้วยประสบการณ์ด้านการประกันภัยของ ERGO Group ที่ดำเนินธุรกิจมานานกว่า 70 ปี จะช่วยให้เออร์โกประกันภัย (ประเทศไทย) มีศักยภาพและความพร้อมที่จะดูแลคนไทยให้ดีที่สุด และพร้อมทุ่มเทให้กับการบุกเบิกความคิดริเริ่มใหม่ ๆ เพื่อช่วยให้ทุกคนได้รับบริการด้านการประกันภัยที่ง่ายขึ้น

เกี่ยวกับ เออร์โกประกันภัย:

      เออร์โกประกันภัย (ประเทศไทย) ดำเนินธุรกิจภายใต้การบริหารงานของ เออร์โก กรุ๊ป ซึ่งส่วนหนึ่งของ มิวนิกรี กลุ่มธุรกิจผู้รับประกันภัยต่อและรับประกันความเสี่ยงชั้นนำของโลก ERGO ยังเป็นหนึ่งในบริษัทผู้รับประกันภัยหลักทั้งในเยอรมันและอีก 20 ประเทศทั่วโลก ด้วยประสบการณ์ในตลาดประกันวินาศภัยอันยาวนานกว่า 70 ปี ความเชี่ยวชาญที่ครอบคลุมและหลากหลายของทีมงาน และเครือข่ายพันธมิตรที่มีประสบการณ์ จะช่วยให้เออร์โกประกันภัย (ประเทศไทย) สามารถบรรลุพันธกิจสำคัญต่อการทำประกันภัยให้เป็นเรื่องง่ายในทุกมิติของการให้บริการ

      เออร์โกประกันภัย (ประเทศไทย) เชื่อว่า ทุกความเสี่ยงภัยของชีวิต จำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใส่ใจและทั่วถึง แม้การคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อให้ก้าวทันเทคโนโลยีจะเป็นสิ่งจำเป็น แต่การมีเจ้าหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลืออย่างเข้าใจและเข้าถึงก็สำคัญไม่ต่างกัน เพื่อให้ทุกความช่วยเหลือได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด และช่วยให้การประกันภัยเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน


มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาส

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่ด้อยโอกาส 

ในโครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี ณ ศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี

         มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ นางสาวดวงชุตา  ติยะพจนพรกุล  ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่ มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับสตรีที่มีรายได้น้อย มีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม ซึ่งอยู่ในความดูแลของศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี และสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ รวมมอบจำนวน 2 แห่ง จำนวน 7 ราย รวมงบประมาณเป็นเงินทั้งสิ้น 138,570 บาท (หนึ่งแสนสามหมื่นแปดพันห้าร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน) เพื่อให้สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน โดยมี นายธนสุนทร สว่างสาลี อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว พร้อมด้วย นางสมพิศ ศรีคำแหง ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี ร่วมในพิธี  ณ ศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567



        นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพแก่สตรีที่มีรายได้น้อย มีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม มีความรู้ความสามารถ แต่ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพโดยเราได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 10 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก

      ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่างๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

#ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต#

#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418

#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบเครื่องเล่นสนาม อุปกรณ์ครุภัณฑ์ พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่เด็กนักเรียนในส่วนภูมิภาค

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ตอกย้ำปณิธาน “สร้างชีวิต” มอบเครื่องเล่นสนาม อุปกรณ์ครุภัณฑ์ 

พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่เด็กนักเรียนในส่วนภูมิภาค ณ โรงเรียนวัดนาร่อง อ.เมือง จ.สระบุรี


        มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ นางสาวดวงชุตา  ติยะพจนพรกุล  ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ร่วมในพิธี มอบเครื่องเล่นสนาม อุปกรณ์ครุภัณฑ์ พร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคแก่เด็กนักเรียนโรงเรียนวัดนาร่อง อ.เมือง จ.สระบุรี อาทิ เครื่องเล่นสนามชุดปีนป่ายหนอนน้อย ตู้เหล็กเก็บเอกสารบานเลื่อน ชั้นวางของอเนกประสงค์ ชั้นวางของ ชั้นวางหนังสือ ชั้นวางรองเท้านักเรียน ตะแกรงคัดขยะ 3 ช่อง ชุดนักเรียน กางเกงวอร์ม และกระเป๋านักเรียน เป็นต้น พร้อมด้วยเครื่องอุปโภคบริโภค ประกอบด้วย ข้าวสาร  ปลากระป๋อง น้ำมันพืช เส้นหมี่ขาว และขนมจันอับ รวมมูลค่า 208,076 บาท (สองแสนแปดพันเจ็ดสิบหกบาทถ้วน) นอกจากนี้ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการมูลนิธิฯ  ได้สนับสนุนลูกฟุตบอลจำนวน 30 ใบ พร้อมด้วย ลูกอม จำนวน 1 ลัง  โดยมี นางสาวจิรนันท์ สาระเดช รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนวัดนาร่อง พร้อมด้วย ผู้แทนเด็กและเยาวชน เป็นผู้รับมอบ ณ โรงเรียนวัดนาร่อง อ.เมือง จ.สระบุรี เมื่อวันอังคารที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2567



          ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ต่อไป

          ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung  

"มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418 

#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

วันพุธที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2567

สวนหลวง-สามย่าน จัดงาน "เฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดเจ้าแม่ทับทิม" อย่างยิ่งใหญ่ ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ

สวนหลวง-สามย่าน จัดงาน "เฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดเจ้าแม่ทับทิม" อย่างยิ่งใหญ่ ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ

ชมการแสดงงิ้ว แจกอาหารเจฟรี ตลอด 3 วัน 3 คืน

ระหว่างวันที่ 30 เมษายน – 2 พฤษภาคม  2567

สวนหลวง-สามย่าน ร่วมกับชาวชุมชนสวนหลวง-สามย่าน จัดงานยิ่งใหญ่ "เฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดเจ้าแม่ทับทิม" ขอเชิญสักการะขอพรเจ้าแม่ทับทิม พร้อมชมการแสดงงิ้ว แจกอาหารเจ และชวนช้อป ชิม ชิลล์ อาหาร เครื่องดื่ม ละลานตา ตลอด 3 วัน 3 คืน ระหว่างวันที่ 30 เมษายน – 2 พฤษภาคม  2567 พร้อม ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ

        โดยงานวันเฉลิมฉลองครบรอบวันคล้ายวันเกิดเจ้าแม่ทับทิมจัดขึ้นเพื่อสักการะบูชา ขอพร รวมทั้งแสดงความเคารพเจ้าแม่ทับทิม นับเป็นการร่วมแรง ร่วมใจ สมัครสมานสามัคคีของคนในชุมชนซึ่งต่างมีความผูกพัน เคารพศรัทธาในองค์เจ้าแม่ทับทิม โดยคนในชุมชนต่างสักการะกราบไหว้ขอพรด้านสุขภาพแข็งแรง ค้าขายรุ่งเรือง การงานก้าวหน้า การเงินคล่องตัว การเรียนราบรื่น


         จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมงาน "เฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดเจ้าแม่ทับทิม" ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิม หน้าอุทยาน 100 ปีจุฬาฯ ระหว่างวันที่ 30 เมษายน  – 2  พฤษภาคม  2567 

        โดยภายในงาน จะมีการแจกอาหารเจด้วยความร่วมแรงร่วมใจจากคณะผู้มีจิตศรัทธา เวลา 09.00 น. 

เวลา 17.00 น. การแสดงสินค้าประเภทอาหาร  เครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว ของทานเล่น 

และ เวลา 20.00 น. ชมการแสดงงิ้ว จากคณะเล่าบ่วงนี้เฮง 3 เรื่อง 3 สไตล์


        ศาลเจ้าแม่ทับทิมตั้งอยู่ด้านหน้าอุทยาน 100 ปี  จุฬาฯ รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวที่ทุกคนในชุมชนสามารถพักผ่อนหย่อนใจ ออกกำลังกาย และประกอบกิจกรรมร่วมกันได้ทั้งครอบครัว อีกทั้งยังมีอาหารอร่อยละลานตาให้นักชิมได้เลือกชิมตลอดเส้นบรรทัดทองทั้งร้านอร่อยระดับตำนานมิชลินไกด์ ร้านอร่อยในกระแส และสตรีทฟู้ดมากมาย อาทิ ล้งเล้งก๋วยเตี๋ยวปลา, ก๋วยเตี๋ยวเป็ดบ๊วยโภชนา, เอ๋ซีฟู้ด, ส้มตำเจ๊อ้อย, เสน่ลาบก้อย, อี้จาสุกี้หมาล่า, CQK หมาล่าฮ็อทพอท, ฝันที่เป็นจริง, เนื้อแท้, เอลวิสสุกี้, สุกี้ เผิงโหย่ว, ครัวคุณย่า, คุณนายทะเลดอง, ตุ้งแฉ่เตาถ่าน, Samyan Cafe' & Restaurant, 71 หมูกระทะ, ข้าวมันไก่เจ๊โบว์, ข้าวต้มปลากิมโป้, นิยมปักษ์ใต้, จิงเจอร์โบว์, ข้าวต้มสันติภาพ, เนื้อแท้, ข้าวซอยลำดวนฟ้าฮ่ามเชียงใหม่, หอยทอดชาวเล, หนึ่งนมนัว, น้ำเต้าหู้, กอล์ฟปลาท่องโก๋, ไอศกรีมหม้อไฟยศเส, น้ำเต้าหู้เจ๊วรรณ, จูนปัง, เจ๊เดือนขนมไทย, ฯลฯ ให้เลือกรับประทานอีกด้วย

            สำหรับการเดินทางมาศาลเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปีจุฬาฯ ก็สะดวกสบาย โดยสามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง ได้แก่

 - รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวเข้ม ลงสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ ต่อ Shuttle Bus สาย 2 ลงป้ายอาคารจามจุรี 14 แล้วเดินมาที่อุทยาน 100 ปี จุฬาฯ 

- รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวอ่อน ลงสถานีสยามสแควร์ ต่อ Shuttle Bus สาย 1 หรือ 4 ลงที่สถานีศาลาพระเกี้ยว และต่อรถ Shuttle Bus สาย 5 ลงสถานีอุทยาน 100 ปี จุฬาฯ

- รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน ลงสถานีสามย่าน ต่อรถ Shuttle Bus สาย 5 ลงสถานีอุทยาน 100 ปี จุฬาฯ

- รถเมล์ที่สามารถเดินทางได้ คือ สาย 73, 73ก, 113 ป้ายถนนบรรทัดทอง 

- รถยนต์ส่วนตัวสามารถจอดรถได้ที่ลานจอดรถอุทยาน 100 ปี จุฬาฯ สวนหลวงสแควร์ และตลาดสามย่าน


DIT มอบรางวัลการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย (ครั้งที่ 41) และรางวัลการประกวดข้าวสารคุณภาพดีเด่นแห่งประเทศไทยประจำปี พ.ศ. 2566

DIT  มอบรางวัลการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย (ครั้งที่ 41) 

และรางวัลการประกวดข้าวสารคุณภาพดีเด่นแห่งประเทศไทยประจำปี พ.ศ. 2566




         นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในงานประกาศผลและพิธีมอบรางวัลการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย ประจำปี 2566 (ครั้งที่ 41) และรางวัลการประกวดข้าวสารคุณภาพดีเด่นแห่งประเทศไทยประจำปี พ.ศ. 2566 ซึ่งจัดโดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ที่ห้องบุรฉัตรไชยากร กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันก่อน 24 เมษายน 2567 เพื่อเฟ้นหาและอนุรักษ์ข้าวหอมมะลิคุณภาพชั้นเลิศไทย ส่งเสริมการเพาะปลูกข้าวหอมมะลิคุณภาพดี และสร้างต้นแบบเกษตรกร ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่นิยมข่าวคุณภาพสูงเป็นหลัก และยังมีการเชื่อมโยงการตลาดให้เกษตรกรผู้ชนะการประกวดเพิ่มมูลค่า สร้างรายได้ ขยายช่องทางการจำหน่ายให้กับเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรอย่างยั่งยืน 




           นายภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวว่า ข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของไทย เกี่ยวข้องกับพี่น้องเกษตรกรกว่า 4.7 ล้านครัวเรือน และประชาชนในประเทศส่วนใหญ่บริโภคข้าวเป็นอาหารหลัก สะท้อนถึงความมั่นคงทางอาหารและเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงเกี่ยวข้องกับพี่น้องเกษตรกรจำนวนมาก รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์เล็งเห็นถึงความสำคัญของพี่น้องเกษตรกรไทยที่เปรียบเสมือนเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ดำเนินนโยบาย พัฒนา สนับสนุน และส่งเสริมชาวนา ภายใต้หลักการ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น




            พร้อมเน้นย้ำว่า ข้าวหอมมะลิถือเป็นข้าวในตลาดข้าวพรีเมียมที่มีชื่อเสียงด้วยอัตลักษณ์เฉพาะตัว  มีเม็ดยาวเรียวสวย สีมันวาว หุงแล้วมีกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นใบเตย รสสัมผัสนิ่มนวล จึงได้รับความนิยมจากผู้บริโภคมากที่สุดทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ แม้ราคาจะสูงกว่าข้าวชนิดอื่นแต่ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด เพื่อเป็นการรักษาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง การยกระดับเชิงนโยบายทั้งด้านการผลิตและการควบคุมคุณภาพจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภค และให้ประเทศไทยยังคงไว้ซึ่งแหล่งผลิตและส่งออกข้าวหอมมะลิชั้นเลิศของโลก ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตข้าวสำคัญของโลก โดยในปี 2566 ไทยสามารถส่งออกข้าวได้สูงถึง 8.76 ล้านตัน นับได้ว่าสูงสุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่ากว่า 178,135 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาร้อยละ 28 โดยข้าวหอมมะลิยังคงรักษาระดับการส่งออกได้ดีแม้ราคาสูงกว่าคู่แข่ง โดยมีปริมาณส่งออกในปี 2566 อยู่ที่ 1.32 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ร้อยละ 5.6 ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน แคนาดา และฮ่องกง

“ตนเดือนเดินทางไปหลายประเทศได้รับความชื่นชมในข้าวไทย ไม่ว่าจะเป็นจีนในหลายมณฑล สหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศ ทุกคนต่างชื่นชมถึงแม้ราคาจะสูงกว่าที่อื่น แต่ยังสัมผัสได้ในความพิเศษของข้าวหอมมะลิไทย ”




            ด้าน นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวเพิ่มเติมว่า การประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทยวันนี้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทเกษตรกรรายบุคคล และประเภทสถาบันเกษตรกร ในครั้งนี้มีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหอมมะลิจาก 22 จังหวัด ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ ส่งตัวอย่างข้าวเข้าประกวดจำนวนรวม 967 ตัวอย่าง และได้นำตัวอย่างข้าวขาวของผู้ที่สมัครเข้าร่วมประกวดฯ ตรวจสอบคุณภาพข้าวทางวิชาการ ทั้งเคมีและกายภาพ ส่งให้คณะกรรมการตัดสินการประกวดทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศพิจารณาคัดเลือกจนได้ผู้ได้รับรางวัลรวมจำนวน 21 ราย แบ่งเป็น เกษตรกรรายบุคคล 18 ราย และสถาบันเกษตรกร 3 ราย เป็นโล่รางวัลเกียรติยศและใบประกาศเกียรติคุณ พร้อมเงินรางวัล รวมกว่า 625,000 บาท




            โดยในวันนี้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้มอบรางวัลแก่เกษตรกรและผู้ประกอบการโรงสี ผู้ผลิตข้าวสารคุณภาพ ผู้ชนะการประกวดข้าวสารคุณภาพดีเด่นแห่งประเทศไทยประจำปี พ.ศ.2566 รวม 11 รางวัล ในประเภทต่างๆ อาทิ ข้าวหอมมะลิ ข้าวหอมไทย และข้าวสารเหนียวเมล็ดยาว สำหรับรายชื่อผู้ชนะการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย ประจำปี 2566 ประกอบด้วย

ประเภทเกษตรกรรายบุคคล : ได้แก่

รางวัลชนะเลิศ นายณรงค์  จันทรุ่ง จ.อุบลราชธานี

รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 นางจันทร์สมสบบง จ.พะเยา

รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 นายสุเรียนสังข์ลาย จ.สุรินทร์

ประเภทสถาบันเกษตรกร :  ได้แก่

รางวัลชนะเลิศ วิสาหกิจชุมชนข้าวหอมมะลิสงเปลือย ม.5 ต.เมืองทอง จ.ร้อยเอ็ด

รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. นครพนม จำกัด จ.นครพนม

รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ศูนย์ข้าวชุมชนข้าวปลอดสารพิษตำบลแม่อ้อ จ.เชียงราย

          โดยภายในงานได้มีการเซ็น MOU ซื้อ-ขายข้าวเปลือกหอมมะลิล่วงหน้าในราคานำตลาด สูงกว่าราคาตลาด 500 บาท/ตัน จำนวน 6 คู่ กว่า 343.4 ตัน ด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจว่าข้าวที่มีคุณภาพสูงมีตลาดรองรับ ทั้งนี้สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์กรมการค้าภายในwww.dit.go.thหรือ Line@ MR.DIT 

ททท. เดินหน้าขับเคลื่อนตลาด Super Long Haul เปิด ททท. สำนักงาน ชิคาโก เดือนสิงหาคมปี 2567 นี

ททท. เดินหน้าขับเคลื่อนตลาด Super Long Haul 

เปิด ททท. สำนักงาน ชิคาโก เดือนสิงหาคมปี 2567 นี้

เจาะกลุ่มคุณภาพจาก Central (Mid) Amarica+ Canada 

        นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมด้วยนายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา อเมริกา และตะวันออกกลาง นำคณะเจ้าหน้าที่ ททท. เข้าเยี่ยมคารวะ นางฆฏนาวดี กัลยาณมิตร กงสุลใหญ่ พร้อมด้วยนางนาฏนภางค์ ดำรงสุนทรชัย รองกงสุลใหญ่ ณ นครชิคาโก สหรัฐอเมริกา และนางสุปรารถนา กมลเวชช ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก เมื่อวันก่อน 22 เมษายน 2567


เพื่อหารือการเตรียมความพร้อมการจัดพิธีเปิดสำนักงาน ททท. สำนักงานชิคาโก ที่ได้กำหนดจัดพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2567 โอกาสนี้ ท่านกงสุลได้ให้ข้อมูลว่า พื้นที่ Mid West หรือ Central Amarica เป็นพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวยังไม่รู้จักประเทศไทยมากนัก ซึ่ง ททท. และทีมไทยแลนด์ยังมีโอกาสทำการตลาดอีกมาก โดยจากประสบการณ์ที่ผ่านมา เมื่อนักท่องเที่ยวภายในพื้นที่ Mid West ได้เดินทางไปท่องเที่ยวประเทศไทยก็มักที่จะหลงรักประเทศไทยทุกคน นับเป็นโอกาสอันดีในการเพิ่ม Friends of Thailand

        ในการนี้ นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. ได้ขอความร่วมมือสถานกงสุลใหญ่ฯ ในการสนับสนุนและประชาสัมพันธ์การส่งเสริมการท่องเที่ยวร่วมกัน อาทิ การจัดกิจกรรม Amazing Thailand Fam Trip : Be My Guests Fam Trip ในการเชิญแขกผู้มีเกียรติที่สถานกงสุลและสถานทูตทั่วโลกมี Connection มาร่วมทัศนศึกษายังประเทศไทย อันจะเป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็น Tourism Hub และ Aviation Hub ตามนโยบาย Ignite Thailand ของรัฐบาล รวมทั้งการส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองหลักควบคู่กับเมืองน่าเที่ยว (เมืองรอง) เป็นต้น


         ทั้งนี้ สำนักงาน ททท. สำนักงานชิคาโก นับเป็นสำนักงานต่างประเทศ สำนักงานที่ 3 ในสหรัฐอเมริกาของ ททท. (ภายหลังสำนักงานนิวยอร์ก และสำนักงานลอสแอนเจอลิส) โดย ททท. ได้พิจารณาจากปัจจัยด้านภูมิศาสตร์และจำนวนประชากรในพื้นที่ โดยกำหนดให้สำนักงานใหม่มีภารกิจครอบคลุมประเทศแคนาดาทั้งหมด และพื้นที่ภาคกลางของสหรัฐฯ จำนวน 16 รัฐ ได้แก่ Alaska, Arkansas, Illinois, Indiana, lowa, Kansas, Louisiana, Michigan, Minnesota, Missouri, Nebraska, North Dakota, Ohio, Oklahoma, South Dakota, Wisconsin ซึ่งในจำนวนนี้ รัฐ Illinois มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 6 ของสหรัฐฯ และเป็นรัฐที่มีนักท่องเที่ยวมาไทยมากเป็นอันดับที่ 6 


         ซึ่ง ททท. จะจัดตั้งสำนักงานดังกล่าวในพื้นที่ของสถานกงสุลใหญ่ ณ นครชิคาโก ตามนโยบายการใช้สำนักงานเดียวกัน (One Roof Policy) โดยจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติราชการของทีมประเทศไทยในสหรัฐฯ ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพและเอกภาพของการบริหารงานต่อไป


         ในปี 2567 ททท. ได้วางเป้าหมายดึงนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอเมริกา : จำนวน 1.43 ล้านคน รายได้ 105,530 ล้านบาท (เป้านักท่องเที่ยวต่างชาติในไทย 35 ล้านคน รายได้รวม 1,921,000 ล้านบาท ) โดยการปรับเปลี่ยนสู่การท่องเที่ยวที่เน้นคุณภาพและมีมูลค่า / เสนอขายสินค้าทางการท่องเที่ยว 5F (Food / Fashion / Film /Fighting / Festival) / ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน ซึ่งจะเน้นเจาะกลุ่มคุณภาพ / เพิ่มกิจกรรมท่องเที่ยว / ขายสินค้าเพิ่มมูลค่า (สร้างให้เกิดประสบการณ์ทรงคุณค่า) โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ : 76,297 บาท /คน/ทริป และจำนวนวันพักเฉลี่ย : 15.02 วัน

#AmazingThailand 

#TATCHICAGO

#TeamThailandInUSA

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"      ERGO แบรนด์ประกันภัยชั้นนำจากเยอรมัน...