วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

สวพส. จัดการน้ำบนพื้นที่สูง เปลี่ยนชีวิตชุมชน สู่ความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน

สวพส. จัดการน้ำบนพื้นที่สูง เปลี่ยนชีวิตชุมชน สู่ความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน

     แม้ฤดูฝนปีนี้จะมีปริมาณน้ำฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยถึงร้อยละ 5 - 10 (ข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยา 13 พ.ค. 2568) แต่ใช่ว่าทุกพื้นที่จะได้ประโยชน์จากฝนที่ตกมากขึ้นโดยเฉพาะชุมชนบนพื้นที่สูง ที่บริบทพื้นที่ทำกินส่วนใหญ่อยู่สูงกว่าแหล่งน้ำธรรมชาติ ซึ่งยังคงต้องพึ่งพาน้ำฝนเป็นแหล่งน้ำหลัก ทั้งเพื่อการอุปโภค บริโภค และการเกษตร ชุมชนเหล่านี้มักเผชิญกับปัญหาฝนทิ้งช่วงและภัยแล้งซ้ำซาก ซึ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นจากความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศหรือสภาวะโลกเดือด

      สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ได้ริเริ่มโครงการพัฒนาแหล่งน้ำและระบบกระจายน้ำขนาดเล็กมาตั้งแต่ปี 2563 เพื่อเพิ่มศักยภาพในการกักเก็บน้ำในช่วงฤดูฝน และกระจายน้ำให้เพียงพอในช่วงหน้าแล้ง ไม่เพียงเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า แต่ยังมุ่งสร้างระบบจัดการน้ำที่ยั่งยืนโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน รวมไปถึงการฟื้นฟูดูแลรักษาป่ารอบๆ แหล่งน้ำ

       ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้เกษตรกรกว่า 24,000 ราย ในพื้นที่สูง 458 แห่งทั่วประเทศ ได้รับประโยชน์โดยตรง เข้าถึงแหล่งน้ำที่พัฒนาแล้ว 930 แห่ง มีระบบกระจายน้ำ 412 กิโลเมตร ทั้งแหล่งน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ไม่เพียงแค่มีน้ำใช้ตลอดปี แต่ยังสามารถเพิ่มรายได้กว่า 447 ล้านบาท ในปี 2567 จากผลผลิตทางการเกษตรที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น พืชผัก ไม้ผล หรือกาแฟคุณภาพสูง

       การมีแหล่งน้ำที่เพียงพอยังช่วยให้เกษตรกรปรับตัวสู่ระบบเกษตรกรรมที่ยั่งยืน ลดความเสียหายจากภัยแล้งและรักษาคุณภาพของผลผลิตให้ตรงตามความต้องการของตลาด ขณะเดียวกันเกษตรกรเริ่มหันไปปลูกพืชใช้น้ำน้อยแต่มูลค่าสูง โดยไม่จำเป็นต้องขยายพื้นที่เพาะปลูกหรือบุกรุกพื้นที่ป่าแต่อย่างใด ผลที่ตามมาอย่างเป็นรูปธรรม คือ พื้นที่ป่าต้นน้ำได้รับการฟื้นฟูกลับคืนกว่า 526,000 ไร่ จากการเปลี่ยนพื้นที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยว เป็นพื้นที่ปลูกไม้ผลและไม้เศรษฐกิจที่หลากหลายถึง 58 ชนิด ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นบนพื้นฐานของการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยการจัดการของชุมชนในพื้นที่

        การจัดการแหล่งน้ำยังมีส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจน จากการติดตามจุดความร้อนในพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง (ม.ค. - พ.ค. 2568) พบว่า จุดความร้อนในพื้นที่เกษตรลดลงถึง 57.21% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมากกว่า 68% ของกลุ่มบ้านที่เข้าร่วมโครงการไม่พบจุดความร้อนเลย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมของชุมชนที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

        ในปีงบประมาณ 2568 สวพส. ยังคงเดินหน้าต่อยอดความสำเร็จโดยขยายโครงการไปยัง 49 ชุมชน ครอบคลุมอีก 127 แห่ง พร้อมระบบกระจายน้ำที่เพิ่มขึ้นเกือบ 20 กิโลเมตร มีผู้ได้รับประโยชน์เพิ่มอีก 460 ราย ครอบคลุมพื้นที่เกษตรรวมกว่า 5,120 ไร่ และการดูแลป่าต้นน้ำอีก 13,000 ไร่

       นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง กล่าวว่า การพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็กไม่ใช่แค่การรับมือภัยแล้ง แต่คือการสร้างโอกาสให้ชุมชนมีน้ำใช้ มีอาหาร มีรายได้ และมีชีวิตที่มั่นคงมากขึ้น เป้าหมายของเราคือแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่สูงอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในชุมชนที่ยังต้องพึ่งพาน้ำฝน ทั้งเพื่อการดำรงชีวิตและการเกษตร เมื่อชุมชนมีแหล่งน้ำเพียงพอ ก็สามารถพัฒนาระบบเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างรายได้อย่างยั่งยืน และอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างสมดุล ที่สำคัญคือการมีส่วนร่วมของชาวบ้านและทุกภาคส่วน เพราะเราเชื่อว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนต้องเริ่มจากชุมชน 


CP LAND ปักหมุด “กังสดาล” ส่ง SOū& (โซ–แอนด์) และ RI–NÉ (รี–เน่)

CP LAND ปักหมุด “กังสดาล”  ส่ง  SOū& (โซ–แอนด์) และ RI–NÉ (รี–เน่) 

ทำเลศักยภาพใกล้ ม.ขอนแก่น – ศูนย์แพทย์ฯ คอนโดฯ ใหม่ 

ตอบโจทย์ทั้งอยู่จริงและลงทุน

      บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND หนึ่งในผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทย เดินหน้าปักหมุดโครงการคอนโดมิเนียมน้องใหม่ใจกลางเมืองขอนแก่น SOū& Khon Kaen (โซ–แอนด์ ขอนแก่น) และ RI–NÉ Khon Kaen (รี–เน่ ขอนแก่น) บนทำเลศักยภาพย่านกังสดาล ทำเลที่มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วและมีศักยภาพสูงในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตที่สุดของทำเลที่อยู่อาศัยซึ่งมาพร้อมโอกาสการลงทุนที่มั่นคง ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ ครอบคลุมทั้งด้านการศึกษา การแพทย์ การค้า และการบริการ ด้วยทำเลที่เชื่อมโยงความสะดวกสบาย ใกล้มหาวิทยาลัยขอนแก่นและโรงพยาบาลศรีนครินทร์ 

       นาย ดำรงศักดิ์ ถุงเงิน ผู้อำนวยการอาวุโสกลุ่มงานธุรกิจที่อยู่อาศัย กล่าวว่า ขอนแก่นถือเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐให้เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ทั้งการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ รถไฟความเร็วสูง และสนามบินนานาชาติที่ขยายศักยภาพเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ SOū& Khon Kaen (โซ–แอนด์ ขอนแก่น) และ RI–NÉ Khon Kaen (รี–เน่ ขอนแก่น) จึงได้รับการออกแบบให้เป็นทั้งศูนย์กลางการอยู่อาศัยที่สมบูรณ์แบบและโอกาสการลงทุนที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาวโดยหลังจากเปิดพรีเซลอย่างเป็นทางการ CP LAND สามารถปิดการขายเฟสแรกของทั้งสองโครงการ SOū& Khon Kaen และ RI–NÉ Khon Kaen ได้เป็นที่เรียบร้อย ด้วยยอดขายรวมกว่า 650 ล้านบาท จำนวน 300 ยูนิต สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าและศักยภาพของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภาคอีสาน พร้อมเดินหน้าขยายสู่เฟสที่ 2 ต่อไป

       โครงการตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ใกล้ศูนย์กลางเศรษฐกิจและแหล่งไลฟ์สไตล์ ของขอนแก่น รายล้อมด้วยสถานที่สำคัญ อาทิ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ สนามบินขอนแก่น และ เส้นทางรถไฟความเร็วสูง ที่กำลังพัฒนา นอกจากนี้ ขอนแก่นยังเตรียมเปิดตัว ศูนย์การแพทย์ระดับสากล ซึ่งจะยกระดับมาตรฐานการรักษาพยาบาล และเพิ่มศักยภาพให้เมืองกลายเป็น Medical Hub แห่งใหม่ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปัจจัยเหล่านี้ช่วยหนุนมูลค่าของอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้โครงการ SOū& Khon Kaen (โซ–แอนด์ ขอนแก่น) และ RI–NÉ Khon Kaen (รี–เน่ ขอนแก่น เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งผู้อยู่อาศัยและนักลงทุนที่มองหาโอกาสในทำเลที่มีอนาคต พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตในทุกมิติ

        นาย นิธิศ สุดเกษม ผู้จัดการอาวุโสกลุ่มงานธุรกิจที่อยู่อาศัย กล่าวต่อว่า โครงการที่อยู่อาศัยทั้งสองแห่งในจังหวัดขอนแก่น ถูกออกแบบด้วยแนวคิดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยให้ความสำคัญกับดีไซน์และฟังก์ชันที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ SOū& Khon Kaen (โซ–แอนด์ ขอนแก่น) คือโครงการที่สะท้อนตัวตนของ young affluent หรือ คนรุ่นใหม่ที่มีรสนิยม ทันสมัย และใส่ใจในคุณภาพชีวิต ผ่านดีไซน์ที่สนุกสนาน แฝงความโมเดิร์น พร้อมรายละเอียดการออกแบบที่คิดมาอย่างพิถีพิถัน ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันที่ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน หรือบรรยากาศของโครงการที่มอบความเป็นส่วนตัวและสไตล์ที่แตกต่างอย่างมีรสนิยม ขณะที่ RI-NÉ Khon Kaen (รี-เน่ ขอนแก่น) เน้นเจาะกลุ่มตลาดระดับพรีเมียม ด้วยการออกแบบที่เรียบหรูและร่วมสมัยในทุกรายละเอียด ตั้งแต่วัสดุคุณภาพสูง ไปจนถึงการจัดวางพื้นที่ที่ตอบสนองการอยู่อาศัยในระดับสูงสุด โดยเราให้ความสำคัญกับทุกมิติของการออกแบบ เพื่อให้โครงการนี้ตอบโจทย์กลุ่มคนเมืองที่ต้องการความสงบ ความสะดวกสบาย และความหรูหราในชีวิตประจำวัน และ เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ดีที่สุด CP LAND มุ่งมั่นให้บริการหลังการขายที่มีคุณภาพ โดยทีมผู้เชี่ยวชาญจาก Welcome Home Club by CP LAND พร้อมรับประกันนานถึง 10 ปี* เพื่อให้ลูกค้าของเรามั่นใจในคุณภาพและความคุ้มค่าในการลงทุนครั้งนี้ ซึ่งสอดคล้องกับปรัชญาของ CP LAND ที่มุ่งมั่นส่งมอบสินค้าและบริการที่มี คุณภาพเพื่อทุกชีวิต

สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง โทร: 02-088-0999

เว็บไซต์: www.cplandproperty.com

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด ขอสงวนสิทธิ์การเปลี่ยนเเปลงโดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า

เกี่ยวกับโครงการ SOū& Khon Kaen (โซ–แอนด์ ขอนแก่น) และ RI-NÉ Khon Kaen (รี-เน่ ขอนแก่น)

         SOū& Khon Kaen (โซ–แอนด์ ขอนแก่น) คอนโดมิเนียม Low–Rise 8 ชั้น จำนวน 337 ยูนิต สำหรับคนรุ่นใหม่ ภายใต้คอนเซปต์ “Play Unbound, Live Inspired” สนุกอย่างไร้ขีดจำกัด สู่แรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ผสานความโมเดิร์นและไลฟ์สไตล์ที่อิสระ มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์ทุกช่วงเวลา อาทิ Co-Working Space, Lobby Lounge, ที่นั่งพักผ่อน Semi-outdoor, Swimming Pool, Gym, Garden, Sky Garden, EV Charger, Retail Space และ พื้นที่ส่วนกลางที่ออกแบบเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการทั้งการเรียน การเล่น และการพักผ่อน เริ่มต้นเพียง 1.89 ล้านบาท*

          RI-NÉ Khon Kaen (รี-เน่ ขอนแก่น) คอนโดมิเนียม High–Rise 31 ชั้น จำนวน 767 ยูนิต ในระดับ Luxury ภายใต้คอนเซปต์ “Craft Your Finest Life” ความเรียบง่ายที่สมบูรณ์แบบ โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่เรียบหรูและแนวคิดที่สะท้อนความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัย เน้นความสงบและผ่อนคลาย แต่ยังคงมอบความสะดวกสบายเหนือระดับ มาพร้อม Double Sky Facility ส่วนกลางลอยฟ้า 2 ชั้น และสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน อาทิ Sunset Lounge ที่มาพร้อมวิวเมืองแบบพาโนรามา, Swimming Pool (Olympic Size ยาวถึง 51 เมตร), Fitness, Wellness Room, Sauna, Gameroom, Twilight Terrace, BBQ Yard, Party Zone, Sunset Garden, Grand Garden, Kids Yard, Business Club, Lobby Lounge, EV Charger ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้ที่ต้องการพื้นที่พักผ่อนที่เหนือกว่าที่อยู่อาศัย เริ่มต้นเพียง 2.39 ล้านบาท*

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.cplandproperty.com/project_category/condominium/

#CPLAND #ซีพีแลนด์ #CPLANDคุณภาพทุกชีวิต #คุณภาพเพื่อทุกชีวิต #AccessibleCommunitiesforLife #CPLANDProperty #SOū& #RI-NÉ #โซแอนด์ #รีเน่ #CPLAND10YearsWarranty #คอนโดใหม่ใจกลางขอนแก่น #คอนโดขอนแก่น #คอนโดย่านกังสดาล #ซีพีแลนด์รับประกัน10ปี 



วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2568

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบเงินช่วยเหลือพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค บรรเทาทุกข์ผู้ประสบอัคคีภัยชุมชนซอยสุคันธาราม 23 กรุงเทพฯ

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบเงินช่วยเหลือพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค 

บรรเทาทุกข์ผู้ประสบอัคคีภัยชุมชนซอยสุคันธาราม 23 กรุงเทพฯ


      มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ  นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ พร้อมด้วย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีม แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยบริเวณชุมชนซอยสุคันธาราม 23 เขตดุสิต กรุงเทพฯ รวมจำนวน 14 ครอบครัว 30 คน โดยมอบเงินสดคนละ 3,500 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภครายครอบครัว 8 ชุด รายบุคคล 6 ชุด รวมมูลค่าการช่วยเหลือทั้งสิ้น 134,000 บาท ในการนี้ มูลนิธิไกรสิทธิการกุศล ร่วมมอบเงินสด คนละ 400 บาท มูลนิธิส่งเสริมศีลธรรมสงเคราะห์ ร่วมมอบเงินสด ครอบครัวละ 500 บาท และพุทธสมาคมปทุมรังษี ร่วมมอบข้าวสาร คนละ 10 กิโลกรัม รวมการช่วยเหลือทั้ง 4 องค์กรคิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 159,000 บาท (หนึ่งแสนห้าหมื่นเก้าพันบาทถ้วน) โดยมี อาสาสมัครกิตติมศักดิ์มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริพร โอภาสวงศ์ และ นางศิริวรรณ โอภาสวงศ์ ร่วมลงพื้นที่แจกจ่ายและให้กำลังใจแก่ผู้ประสบภัย ณ บริเวณชุมชนซอยสุคันธาราม 23 เขตดุสิต กรุงเทพฯ เมื่อวันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2568



       ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ดังปณิธาน มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”



ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

#แอปพลิเคชัน และ #สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง1418 

#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

สจล. จับมือภาคเอกชน เปิดตัวหลักสูตร "WELLxPRO: Touch to Heal – Learn to Grow"

สจล. จับมือภาคเอกชน เปิดตัวหลักสูตร "WELLxPRO: Touch to Heal – Learn to Grow" 

มุ่งสร้างอาชีพที่ยั่งยืนและส่งเสริมสุขภาวะที่ดี

     สำนักการเรียนรู้ตลอดชีวิต สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ได้จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวหลักสูตร “WELLxPRO by SPAYA: Touch to Heal – Learn to Grow” อย่างเป็นทางการ ซึ่งหลักสูตรนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อบูรณาการศาสตร์แห่งการบำบัดด้วยสปาเข้ากับการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อเสริมสร้างทักษะอาชีพ สร้างรายได้ และส่งเสริมสุขภาวะที่ดีอย่างยั่งยืน 

      รองศาสตราจารย์ ดร.ยลพัชร์  อารีรบ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักการเรียนรู้ตลอดชีวิตพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สจล. กล่าวว่าหลักสูตรนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง สจล. บริษัทธรรมธุรกิจ และโรงเรียนธัญญ่าสปาเซ็นเตอร์ โดยมีเป้าหมายที่จะผสมผสานศาสตร์การบำบัดด้วยสปาเข้ากับการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อพัฒนาศักยภาพผู้สนใจให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและเวลเนส รองรับความต้องการของตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง และช่วยให้ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถนำความรู้ไปต่อยอดสร้างอาชีพและรายได้ได้อย่างยั่งยืน

       รองศาสตราจารย์ ดร.จรสวรรณ โกยวานิช รองอธิการบดีฝ่ายบริหารทรัพย์สินและความยั่งยืน สจล. กล่าวว่า การพัฒนาทักษะอาชีพ และการดูแลสุขภาพไม่อาจแยกออกจากกันได้อีกต่อไป WELLxPRO by SPAYA จึงเกิดขึ้นจากความร่วมมือของทั้ง 3 หน่วยงาน ที่มีเป้าหมายร่วมกันในการพัฒนาทั้ง “คน” และ “คุณภาพชีวิต” ให้เติบโตไปพร้อมกันอย่างยั่งยืน และถือเป็นตัวอย่างของการบูรณาการองค์ความรู้จากศาสตร์แห่งสปาและการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม สู่การสร้างทักษะอาชีพจริงในโลกปัจจุบัน ไม่ได้เป็นแค่หลักสูตรนวดเพื่อสุขภาพ แต่เป็นแพลตฟอร์มแห่งการ “เยียวยา” ทั้งในมิติของร่างกาย จิตใจ รายได้ และโอกาสชีวิต

        นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดเสวนาในหัวข้อ “ความเป็นมาและเป้าหมายของความร่วมมือ” ซึ่งได้รับเกียรติจากตัวแทนจากทั้งสามหน่วยงานมาร่วมแบ่งปันข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวคิด เบื้องหลัง และวิสัยทัศน์ร่วมกันในการพัฒนาโครงการ WELLxPRO โดยมุ่งเน้นการสร้างหลักสูตรที่ทันสมัยและตอบโจทย์ความต้องการของตลาดแรงงาน โดยเฉพาะในสายงานสปาและการบำบัด

ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารและความเคลื่อนไหวของ สจล. ได้ทาง Facebook: https://www.facebook.com/kmitlofficial และเว็บไซต์: https://www.kmitl.ac.th หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-329-8000





วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2568

ททท. ร่วมแสดงความยินดีและต้อนรับ “โอปอล - สุชาตา ช่วงศรี” มิสเวิลด์ 2025 ผู้คว้ามงกุฎประวัติศาสตร์กลับสู่ประเทศ

Grand Celebrations ฉลอง Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025

ททท. ร่วมแสดงความยินดีและต้อนรับ “โอปอล - สุชาตา ช่วงศรี” มิสเวิลด์ 2025 ผู้คว้ามงกุฎประวัติศาสตร์กลับสู่ประเทศไทย



      เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2568 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดย นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. ร่วมแสดงความยินดีและต้อนรับ “น้องโอปอล” คุณสุชาตา ช่วงศรี อย่างอบอุ่น หลังเดินทางกลับถึงประเทศไทยจากการเข้าร่วมการประกวด Miss World 2025 ณ ประเทศอินเดีย พร้อมสร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศไทยด้วยการคว้ามงกุฎ Miss World มาครองได้เป็นครั้งแรกอย่างสง่างาม



        น้องโอปอลถือเป็นแบบอย่างของหญิงสาวไทยยุคใหม่ ที่เปี่ยมไปด้วยความงดงาม ความสามารถ และปัญญาอันเฉียบคม พร้อมด้วยหัวใจที่มุ่งมั่นในการอุทิศตนเพื่อสังคมและประเทศชาติ การได้รับตำแหน่ง Miss World ในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นความภาคภูมิใจสูงสุดของคนไทยทั้งประเทศ แต่ยังเป็นโอกาสอันสำคัญที่ประเทศไทยจะได้ส่งเสียงถึงเวทีโลกให้ได้รับรู้ถึงเสน่ห์ของแผ่นดินไทย ทั้งในด้านธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม และน้ำใจไมตรีของประชาชนไทย



         ททท. ในฐานะหน่วยงานหลักด้านการส่งเสริมภาพลักษณ์และศักยภาพของประเทศไทยในระดับสากล พร้อมให้การสนับสนุนคุณโอปอลในทุกภารกิจ เพื่อยกระดับชื่อเสียงของชาติ และเสริมสร้างความเชื่อมั่นในประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางระดับโลกอย่างยั่งยืน

#AmazingThailand #MissWorld2025 #MissWorld2025Thailand

#GrandCelebrations

#AmazingThailandGrandTourismandSportsYear2025



วันพฤหัสบดีที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2568

พระราชทานน้ำหลวงอาบศพท่านผู้หญิงพันธุ์สวลี กิติยากร

ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปในการพระราชทานน้ำหลวงอาบศพท่านผู้หญิงพันธุ์สวลี กิติยากร



      พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ท่านผู้หญิงพันธุ์สวลี กิติยากร ท.จ.ว.,ม.ช..ม.ว.ม. ณ ศาลาบัณณรศภาค วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เมื่อวันพุธ ที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๘



       สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ท่านผู้หญิงพันธุ์สวลี กิติยากร และเสด็จ ฯ ไปทรงวางพวงมาลาของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพวงมาลาส่วนพระองค์



      ท่านผู้หญิงพันธุ์สวลี กิติยากร (เดิมหม่อมเจ้าพันธุ์สวลี ยุคล) ถึงแก่อนิจกรรม ๑๐ มิถุนายน ๒๕๖๘ สิริอายุ 91 ปี ท่านเป็นพระมารดาในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ และหม่อมหลวงสราลี กิติยากร รวมทั้งยังเป็นพระอัยยิกา (ยาย) ในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา



    กำหนดสวดพระอภิธรรม “ท่านผู้หญิงพันธ์ุสวลี กิติยากร“ ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ราชวรวิหาร วันที่ 12-17 มิถุนายน พ.ศ. 2568 เวลา 19.00 น.


*** ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2568 เป็นต้นไป งดรับพวงหรีด และท่านใดที่สนใจสมทบทุนปัจจัยเข้ามูลนิธีผึ้งหลวงอัศวิน ให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของท่านผู้หญิงพันธ์ุสวลี กิติยากร ในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และช่วยเหลือสาธารณะประโยชน์ ให้เอื้อประโยชน์อย่างสูงสุด แก่ผู้ร่วมบุญ ในการอุทิศบุญถวายท่านผู้หญิงพันธ์ุสวลี กิติยากร จะมีการรับบริจาคบริเวณหน้างานสวดพระอภิธรรม หรือสามารถโอนเข้า มูลนิธิผึ้งหลวงอัศวิน ชื่อบัญชีธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 6614032801 

ภาพ ... วายุ พุกโฉมงาม

วันพุธที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2568

นครพนมเปิดเส้นทาง "ตามรอยศรัทธาธรรม สักการะพระธาตุประจำวันเกิด" ดันท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมนครพนม

นครพนมเปิดเส้นทาง "ตามรอยศรัทธาธรรม สักการะพระธาตุประจำวันเกิด"

ดันท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมนครพนม

      กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม จัดกิจกรรมใหญ่ "ตามรอยศรัทธาธรรม สักการะพระธาตุประจำวันเกิด" ณ จังหวัดนครพนม เปิดประตูสู่การท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีนายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย อ.คฑา ชินบัญชร ดร.สุเทพ อารมณ์รักษ์ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) และประธานกรรมการมูลนิธิสำนึกบุญคุณแผ่นดินไทย หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนกว่า 200 คนเข้าร่วมคับคั่ง เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568

      กิจกรรม "ตามรอยศรัทธาธรรม สักการะพระธาตุประจำวันเกิด" เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ "จาริกเส้นทางบุญในมิติทางศาสนา" ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ซึ่งมุ่งเน้นการส่งเสริมและต่อยอดทุนทางวัฒนธรรมของไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดนครพนมที่ได้รับเลือกเป็นพื้นที่เป้าหมายสำคัญ เนื่องจากเป็น "เมืองแห่งพระธาตุ" ที่มีพระธาตุประจำวันเกิดครบทั้ง 7 วัน 8 องค์ ซึ่งเป็นจุดดึงดูดสำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวและผู้ศรัทธา

      โดยภายในงานมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลายและน่าสนใจ อาทิ

- พิธีเจริญพระพุทธมนต์สมโภชพระธาตุประจำวันเกิดวันเสาร์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 3 มิถุนายน 2568,

- กิจกรรมเข้าวัดปฏิบัติธรรมวันธรรมสวนะ "ศรัทธาอิ่มบุญ อุดหนุนชุมชน ใส่ผ้าไทย นั่งสาด ตักบาตรริมโขง", 

และ กิจกรรมหลัก "ตามรอยศรัทธาธรรม สักการะพระธาตุประจำวันเกิด" ซึ่งมีการเปิดตัวเส้นทางการท่องเที่ยวเชิงศาสนาในจังหวัดนครพนมอย่างเป็นทางการ

       นอกจากนี้ยังมี นิทรรศการสักการะพระธาตุประจำวันเกิด 7 วัน 8 พระธาตุ การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม และการแสดงศิลปวัฒนธรรมจากเครือข่ายวัฒนธรรมในจังหวัดเชื่อมโยงเส้นทางบุญ สู่การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน

       โครงการ "จาริกเส้นทางบุญในมิติทางศาสนา" ไดกำหนดจัดกิจกรรมใน 4 เส้นทางหลัก ได้แก่ เส้นทางสักการะพระบรมธาตุ, เส้นทางตามรอยพระเถราจารย์, เส้นทางความเชื่อและศรัทธาแห่งลุ่มน้ำโขง, และเส้นทางในมิติศาสนาและวัฒนธรรมอื่น ๆ โดยจังหวัดนครพนมโดดเด่นในฐานะเมืองที่มีพระธาตุประจำวันเกิดครบถ้วน ซึ่งเป็น "ทุนทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่า" ที่สามารถนำมาต่อยอดเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของชุมชนได้อย่างยั่งยืน

        โครงการนี้ถือเป็นการนำนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงวัฒนธรรมมาขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติจริง โดยใช้ทุนทางวัฒนธรรมท้องถิ่นในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศาสนา สร้างความเชื่อมโยงระหว่างศาสนสถาน โบราณสถาน ภูมิปัญญาท้องถิ่น และผู้ประกอบการทางวัฒนธรรม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ เสริมสร้างรายได้แก่ชุมชน ส่งเสริมอัตลักษณ์ และอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมไทยให้คงอยู่สืบไป

         จังหวัดนครพนมมุ่งมั่นที่จะเป็นจุดหมายด้านการท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรมในระดับประเทศ พร้อมเป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยงกับจังหวัดใกล้เคียงในกลุ่ม "สนุก" ได้แก่ สกลนคร และมุกดาหาร เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน สร้างประโยชน์สูงสุดให้กับชุมชนและประเทศชาติ


สวพส. จัดการน้ำบนพื้นที่สูง เปลี่ยนชีวิตชุมชน สู่ความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน

สวพส. จัดการน้ำบนพื้นที่สูง เปลี่ยนชีวิตชุมชน สู่ความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน      แม้ฤดูฝนปีนี้จะมีปริมาณน้ำฝนมากกว่าค่าเฉลี่ยถึงร้อยละ 5...