วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2566

ททท. จัดพิธีพระราชทานรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) ครั้งที่ 14 ตอกย้ำยกระดับห่วงโซ่อุปทานสู่มาตรฐานความยั่งยืน

ททท. จัดพิธีพระราชทานรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) ครั้งที่ 14

ตอกย้ำยกระดับห่วงโซ่อุปทานสู่มาตรฐานความยั่งยืน


         ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธีพระราชทานรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย หรือ Thailand Tourism Awards ครั้งที่ 14 แก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับรางวัล จำนวนทั้งสิ้น 254 ราย พร้อมตอกย้ำเป้าหมายการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย Sustainable Tourism Goals : STGs  สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน (High Value and Sustainability)  ด้วยสาขารางวัลใหม่ประเภทการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำเพื่อความยั่งยืน (Low Carbon & Sustainability) ณ สามย่านมิตรทาวน์ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2566


       นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า การเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศด้วยการท่องเที่ยวถือเป็นหนึ่งในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย ททท. จึงได้กำหนดกลยุทธ์สำคัญในการยกระดับสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล (Beyond Standard) ทั้งในด้านการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและยั่งยืน (Safe and Sustainable Tourism) รวมทั้งการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (Responsible Tourism) ด้วยการต่อยอดขยายสาขารางวัลของโครงการรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Awards) หรือ รางวัลกินรี ภายใต้ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และองค์กรท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้ดียิ่งขึ้น เพิ่มโอกาสทางการตลาดแก่ผู้ประกอบการ นำไปสู่การสร้างงาน สร้างรายได้กระจายสู่เศรษฐกิจของประเทศในทุกระดับอย่างกว้างขวางและทั่วถึง


        ด้าน นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า รางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ถือเป็นหัวใจสำคัญในการผนึกกำลังพันธมิตรเพื่อสร้างมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน Sustainable Tourism Goals : STGs  มุ่งสู่เป้าหมายการท่องเที่ยวที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์อย่างยั่งยืนตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจ BCG Model  โดยปีนี้  ททท. ได้เพิ่มประเภทรางวัลการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ (Low Carbon & Sustainability) เพื่อตอกย้ำจุดยืนต่อความมุ่งมั่นสู่เป้าหมายการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ พร้อมยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน (High Value and Sustainability) ซึ่งรางวัลดังกล่าว จะช่วยสร้างจุดเด่น เพิ่มมูลค่า และเพิ่มโอกาสทางการตลาดแก่ผู้ประกอบการในการเข้าถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม อีกทั้งยังเป็นการสร้างความตระหนักรู้และคุณค่าในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแก่ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยว เพื่อให้ทุกภาคส่วนเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยอย่างแข็งแรงและยั่งยืนต่อไป


สำหรับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 14 ประจำปี 2566 มีผู้ประกอบการส่งผลงานสมัครเข้าร่วมโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้น 908 ราย จาก 5 ประเภทรางวัล ประกอบด้วย ประเภทแหล่งท่องเที่ยว ประเภทที่พักนักท่องเที่ยว ประเภทการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ประเภทรายการนำเที่ยว  และประเภทการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำเพื่อความยั่งยืน และมีผู้ที่ผ่านการคัดเลือกชนะรางวัล รวมทั้งสิ้น 353 ราย โดยแต่ละประเภทได้รับคัดสรรผลงานที่มีคุณภาพ แบ่งเป็น 3 สาขารางวัล ได้แก่ รางวัล Thailand Tourism Gold Award (ยอดเยี่ยม) Thailand Tourism Award (ดีเด่น) และเกียรติบัตรรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย (Thailand Tourism Certificate) ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้ รางวัลประเภท Thailand Tourism Gold Award (ยอดเยี่ยม) จำนวน 76 ราย รางวัล Thailand Tourism Silver Award (ดีเด่น) 169 ราย และ เกียรติบัตรรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย 99 ราย


ทั้งนี้ผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัล Thailand Tourism Gold Award ต่อเนื่องกัน 3 ครั้ง จะได้รับมอบรางวัล Hall of Fame โดยในปี 2566 นี้มีจำนวนรวม 9 ราย ได้แก่ หอโบราณคดีเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย จ.เพชรบูรณ์, พิพิธภัณฑ์เซรามิคธนบดี จ.ลำปาง, สวนสัตว์ขอนแก่น จ.ขอนแก่น, อุทยานหลวงราชพฤกษ์จ.เชียงใหม่, อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน จ.ลำปาง, ดุสิตธานี กระบี่ บีช รีสอร์ต จ.กระบี่, โรงแรมเอซ ออฟ หัวหิน รีสอร์ท จ.เพชรบุรี, ศิรา สปา จ.เชียงใหม่, คามาลายา สปา จ.สุราษฎร์ธานี

ทั้งนี้ พิธีพระราชทานรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 14 ในวันที่ 27 กันยายน 2566 จะมีการมอบรางวัลแก่ผู้ผ่านการคัดเลือกชนะรางวัลในสาขารางวัล Thailand Tourism Gold Award (ยอดเยี่ยม) Thailand Tourism Award (ดีเด่น) และรางวัล Hall of Fame จำนวนทั้งสิ้น 254 ราย


ขณะที่ รางวัลสาขาใหม่ ประเภทการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำเพื่อความยั่งยืน (Low Carbon & Sustainability) มีจำนวนทั้งสิ้น 18 ราย  ประกอบด้วย รางวัลรางวัลยอดเยี่ยม จำนวน 5 ราย ได้แก่ ขิงแดง รีสอร์ท จ.กระบี่ สยามเบย์ชอร์ รีสอร์ท พัทยา จ.ชลบุรี เดอะ ริเวอร์รี บาย กะตะธานี คอลเล็คชั่น จ.เชียงราย พีชฮิลรีสอร์ท จ.ภูเก็ต และชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชน ตําบลบางกอบัว จ.สมุทรปราการ และรางวัลดีเด่น จำนวน 13 ราย โดยสถานประกอบการดังกล่าวจะต้องมีนโยบาย มาตรการ ความคิดริเริ่ม ในการจัดการคาร์บอนต่ำ (Low Carbon) อย่างเป็นรูปธรรม ใส่ใจต่อการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Emergency) สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคำนึงถึงความสมดุลสู่ความยั่งยืน (Sustainability) ใน 3 มิติ ได้แก่ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ครั้งที่ 14 ประจำปี 2566 ได้ที่ www.tourismthailand.org/tourismawards หรือ facebook.com/thailandtourismawards


254 Thai entrepreneurs conferred Thailand Tourism Awards on World Tourism Day
        On Sept 27, 2023 World Tourism Day, Her Royal Highness Princess Ubolratana Rajakanya Siriwattana Phannawadee presided over a gala ceremony to confer the prestigious Thailand Tourism Awards on entrepreneurs who have excelled in providing the highest standards of products, services and facilities, especially in the area of sustainability. I would like to extend my warmest congratulations to all the award winners in 254 categories, comprising of:
- Thailand Tourism Gold Awards (76)
- Thailand Tourism Silver Awards  (169)
- Certificate of Honor (99)



The awards covered five categories:
- Tourist attractions
- Tourist accommodations
- Health tourism
- Tour program
- Low carbon tourism for sustainability



           Nine entrepreneurs who have received the Thailand Tourism Gold Awards for three consecutive years were also conferred special  Hall of Fame awards The ceremony was conducted at Samyan Mitrtown, Bangkok. The full list of award winners can be found here: www.tourismthailand.org/tourismawards
#ThailandTourismAwards



         These awards reflect the depth of continuing commitment to excellence in Thai tourism. It is gratifying to see our travel & tourism entrepreneurs keeping this high on their agendas even though they have just recovered from the Covid-19 crisis. As in the past, the Tourism Authority of Thailand will continue to give the award-winners priority and prominence in its global marketing campaigns and activities.
#thailandtourismawards 2023


พาลาทีน ผลิตภัณฑ์น้ำตาลเพื่อสุขภาพค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ และผลิตภัณฑ์ในเครือ อีทเวลล์ ร่วมออกงาน Fi Asia Thailand 2023

พาลาทีน ผลิตภัณฑ์น้ำตาลเพื่อสุขภาพค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ และผลิตภัณฑ์ในเครือ อีทเวลล์ ร่วมออกงาน Fi Asia Thailand 2023




      ดร.จุฑามาศ อรุณานนท์ชัย กรรมการบริหารสายพัฒนาธุรกิจบริษัท บริษัท อีทเวลล์ จำกัดนำผลิตภัณฑ์น้ำตาลเพื่อสุขภาพค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ภายใต้แบรนด์พาลาทีน และผลิตภัณฑ์ในเครือ ร่วมออกงาน Fi Asia Thailand 2023 งานแสดงสินค้าที่ครอบคลุมอุตสาหกรรม และเทคโนโลยี ส่วนผสมอาหาร เครื่องดื่มแห่งเอเชีย ตอกย้ำการเป็นเบอร์ 1 แห่งเอเชียที่กลุ่มผู้ประกอบการต้องมาเพื่ออัพเดตเทรนด์แห่งอาหารโลก พร้อมมุ่งเป้าในการเพิ่มศักยภาพ และเพิ่มมูลค่าผู้ประกอบการวัตถุดิบและเครื่องดื่มท้องถิ่นสู่เวทีระดับโลก โดยมีนายวิโรจน์  กมลสัมฤทธิชัย คุณภัคธินันท์ พงศ์ธนันท์ภาส คุณปัญญโชติ เวชสมุทรวารี คุณนันทิชา บุรี คุณวชิรวิทย์ อาจทวีกุล และศศิธร เพชรภักดี นักโภชนาการ ร่วมงานด้วย ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์





สวพส. ชู การแก้ไขความยากจนบนพื้นที่สูง สำเร็จได้ด้วยการทำเกษตรอินทรีย์ ตามแนวทางผลสำเร็จของโครงการหลวงมาปรับใช้

สวพส. ชู การแก้ไขความยากจนบนพื้นที่สูง

สำเร็จได้ด้วยการทำเกษตรอินทรีย์ 

ตามแนวทางผลสำเร็จของโครงการหลวงมาปรับใช้ 


        จากข้อมูลแผนที่ความยากจนของรัฐบาล (TPMAP) แสดงให้เห็นว่า กลุ่มคนที่ยังมีความยากจนส่วนใหญ่อยู่บนพื้นที่สูงและอยู่ตามแนวชายขอบของไทย ประกอบอาชีพการเกษตรเป็นหลัก หนึ่งในสาเหตุของความยากจน คือ เกษตรกรสร้างผลิตผลเกษตรได้น้อยเนื่องจากผลผลิตต่อพื้นที่ต่ำลง ต้นทุนการผลิตสูง และมีการใช้สารเคมีเกษตรอย่างไม่เหมาะสม ทำให้เกิดการปนเปื้อนของสารเคมีเกษตรและตกค้างทั้งในผลิตผล ดิน และน้ำ รวมทั้งการบุกรุกป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่ทำเกษตรให้สามารถผลิตพืชได้จำนวนมากสำหรับขายเป็นรายได้เลี้ยงครอบครัว ในขณะที่ราคาผลผลิตค่อนข้างต่ำและผันผวน มีช่องทางการตลาดน้อย  

นางสาวเพชรดา อยู่สุข รองผู้อำนวยการสถาบัน ด้านการพัฒนาสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง  กล่าวว่า สวพส. มีภารกิจในการสนับสนุนการดำเนินงานของมูลนิธิโครงการหลวง และการนำองค์ความรู้และผลสำเร็จของโครงการหลวงไปปรับใช้ในพื้นที่สูงอื่น ๆ ของประเทศ โดยเฉพาะองค์ความรู้ด้านการผลิตพืชที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมนั่นคือ การปลูกพืชในระบบเกษตรอินทรีย์ เพื่อให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการทำการเกษตรบนพื้นที่สูงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และช่วยลดปัญหาความยากจนโดยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรมากกว่าการทำการเกษตรแบบเดิม ตลอดจนสร้างโอกาสทางการตลาดซึ่งทำให้เกษตรกรมีตลาดที่แน่นอนและมีรายได้ที่มั่นคง 


          โดยการมีส่วนร่วมของเกษตรกรบนพื้นที่สูง นักวิจัย นักพัฒนาและส่งเสริม และหน่วยงานร่วมบูรณาการทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ในการรวมกลุ่มกันของเกษตรกรเพื่อจัดการปัจจัยการผลิตทางการเกษตร ได้แก่ ปุ๋ยหมักอินทรีย์ ปัจจัยการผลิตชีวภาพ เช่น ชีวภัณฑ์ น้ำหมักชีวภาพฯลฯ และวางแผนการผลิตผักอินทรีย์ให้ตอบสนองต่อความต้องการของตลาด รวมถึงทีมนักวิจัยของ สวพส. และมูลนิธิโครงการหลวงร่วมกันศึกษาวิจัยเทคโนโลยี อาทิ การคัดเลือก/ทดสอบพันธุ์พืช การผลิตเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ การวิจัยและพัฒนาชีวภัณฑ์สำหรับป้องกันกำจัดโรคแมลงทดแทนสารเคมีเกษตร  


       รวมทั้ง มีการวางแผนการขนส่งร่วมกัน เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า สำหรับการบูรณาการการทำงานร่วมกับภาคส่วนอื่น ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ บริษัทเอกชนบางแห่งยังช่วยสนับสนุนปัจจัยการผลิต คิดเป็นมูลค่า 300,000 บาท ให้กับกลุ่มเกษตรกรในการจัดทำโรงเรือนเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มปริมาณการปลูกให้เพียงพอต่อความต้องการของบริษัทด้วย โดย เจ้าหน้าที่ของ สวพส. จะเป็นผู้ประสานงาน ซึ่งอาศัยกลไกของแผนแม่บทหรือแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืนระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) และแผนปฏิบัติการด้านการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง ระยะ 5 ปี (พ.ศ. 2566-2570) ซึ่งจะมีหน่วยงานร่วมบูรณาการประมาณ 33 หน่วยงาน  


       ปัจจุบันในพื้นที่ ที่สวพส. ดำเนินงาน ภายใต้โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง 19 แห่ง และโครงการรักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน 2 แห่ง ใน 8 จังหวัด มีเกษตรกร 452 คน พื้นที่รวม 1,441.702 ไร่ ได้รับการรับรองแหล่งผลิตมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ประเทศไทย (Organic Thailand) แบ่งเป็น เกษตรกรที่ปลูกกาแฟอินทรีย์ 339 ราย พื้นที่ 1,245.72 ไร่ และเกษตรกรที่ปลูกผักอินทรีย์ 113 ราย พื้นที่ 195.982 ไร่ สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 – 2565 รวมเป็นเงิน 44,264,549 บาท 

นางสาวเพชรดา อยู่สุข กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันตลาดยังมีความต้องการผลิตผลอินทรีย์ทั้งกาแฟและพืชผักอีกมาก ซึ่งกลุ่มเกษตรกรที่ดำเนินการอยู่ยังไม่สามารถส่งผลิตผลได้ครบตามแผนความต้องการของตลาด จึงเป็นโอกาสและแรงจูงใจในการขยายการส่งเสริมการปลูกพืชอินทรีย์ โดย สวพส. ยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายงานออกไปให้ครอบคลุมพื้นที่โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงทั้ง 44 แห่ง รวมทั้งการขยายไปยังพื้นที่สูงที่อยู่ใกล้เคียง โดยอาศัยกลุ่มเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จเป็นต้นแบบหรือตัวอย่างที่ดีในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับเกษตรกรกลุ่มใหม่ ๆ ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้และปรับเปลี่ยนวิถีการทำเกษตรแบบเดิมเป็นการทำเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะเกษตรอินทรีย์ต่อไป


วันพฤหัสบดีที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2566

ไหว้พระจันทร์ปีนี้ ขอพรเจ้าแม่ทับทิม เสริมสิริมงคลชีวิตรุ่งเรือง ณ อุทยาน 100 ปีจุฬาฯ

ไหว้พระจันทร์ปีนี้ ขอพรเจ้าแม่ทับทิม เสริมสิริมงคลชีวิตรุ่งเรือง ณ อุทยาน 100 ปีจุฬาฯ

      สวนหลวง-สามย่าน ร่วมกับคณะกรรมการศาลเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปีจุฬาฯ จัดพิธีไหว้พระจันทร์ ในวันศุกร์ที่ 29 กันยายน 2566 เวลา 19.00 น. ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาสักการะขอพรเสริมสิริมงคล ด้านสุขภาพ การเรียน การงาน การเงินธุรกิจ ความรัก ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปีจุฬาฯ


และพิเศษสุดวันไหว้พระจันทร์ ตั้งแต่วันนี้ - 29 กันยายน 2566 ศาลเจ้าแม่ทับทิมขยายเวลาเปิดถึงเวลา 21.00 น. เพี่ออำนวยความสะดวกให้ผู้มีจิตศรัทธาได้สักการะเจ้าแม่ทับทิม และพบกับร้านน้องเบเกอร์รี่ที่อำนวยความสะดวกด้วยการนำขนมไหว้พระจันทร์มาจำหน่ายและมอบส่วนลด 10% อีกทั้งยังชวน Work Shop ทำข้าวเกรียบปากหม้อ เวลา 18.00 น.โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิม อุทยาน 100 ปีจุฬาฯ


พร้อมกันนี้ตลาดสามย่านได้รวบรวมของไหว้และผลไม้มงคลให้เลือกสรร 

• ขนมไหว้พระจันทร์หลากหลายแบรนด์, ขนมมงคลทั้งสไตล์ไทยและจีนที่ร้านน้องเบเกอร์รี่และร้านเจ๊จันทร์  

• ผลไม้มงคลหลากหลายจากร้านป้าหลวย, ร้านเจ๊เล็ก,  ร้านเจี๊ยบ, ร้านFruit Plus และร้านเจ๊ส่วน

• ดอกไม้ พวงมาลัย ธูปเทียน และเครื่องไหว้ชุดเพ้าหรือชุดกระดาษไหว้ที่ร้านเอี้ยงนี้ และร้านสุพรรณี  

• เครื่องไหว้มงคล อาทิ วุ้นเส้น สาหร่าย ฟองเต้าหู้ เห็ดหอมที่ร้านน้องสุดใจ


         ส่วนการเดินทางมาศาลเจ้าแม่ทับทิม ณ อุทยาน 100 ปีจุฬาฯ มีสถานที่จอดรถที่สะดวกสบาย ปลอดภัย หรือสามารถเดินทางได้หลากหลายช่องทาง 

• รถยนต์ส่วนตัวสามารถจอดรถได้ที่ลานจอดรถอุทยาน 100 ปีจุฬาฯ

• รถไฟฟ้า BTS สถานี สนามกีฬาแห่งชาติ ต่อรถ Shuttle Bus สาย 2 ลงป้าย อาคารจามจุรี 14 แล้วเดินต่อมาที่อุทยาน 100 ปีจุฬาฯ หรือ ตุ๊ก ตุ๊ก  Movmi ลงสถานีลานจอดรถอุทยาน 100 ปีจุฬาฯ

• รถไฟฟ้า BTS สถานี สยามสแควร์ ต่อรถ Shuttle Bus สาย 1 หรือ 4 ลงที่สถานีศาลาพระเกี้ยว และต่อรถ Shuttle Bus สาย 5  หรือรถตุ๊ก ตุ๊ก “Muvmi” ลงสถานีลานจอดรถอุทยาน 100 ปีจุฬาฯ 

• รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานี สามย่าน ต่อรถ Shuttle Bus สาย 5 หรือ รถตุ๊ก ตุ๊ก “Muvmi” ลงสถานีลานจอดรถอุทยาน 100 ปีจุฬาฯ 

• รถประจำทาง สาย 73, 73 ก, 113  (ถนนบรรทัดทอง)


วันพุธที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2566

พิธีเปิดโรงงานใหม่ เพิ่มจำนวนฐานการผลิตคาปาซิเตอร์ของมูราตะ เป็น 6 แห่งทั่วโลก

พิธีเปิดโรงงานใหม่ เพิ่มจำนวนฐานการผลิตคาปาซิเตอร์ของมูราตะ เป็น 6 แห่งทั่วโลก

            บริษัท มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นฐานการผลิตในเครือของบริษัท มูราตะ แมนูแฟ็คเจอริ่ง จำกัด ประเทศญี่ปุ่น จัดพิธีเปิดอาคารโรงงานผลิตแห่งใหม่ โดยได้รับเกียรติจากนายสันติธร ยิ้มละมัย ผู้ว่าราชการจังหวัดลำพูน พร้อมด้วย ฯพณฯ นายนะชิดะ คะสุยะ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่น นายนายโนริโอะ นากาจิมา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท มูราตะ แมนูแฟ็คเจอริ่ง จำกัด นายฮิกุจิ เคอิจิ กงสุลใหญ่ญี่ปุ่น ณ นครเชียงใหม่ และนายจุนนิชิโระ คุโรดะ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น สำนักงานกรุงเทพฯ (เจโทร กรุงเทพ) นายนางาโตะ โอโมริ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้อำนวยการหน่วยธุรกิจตัวเก็บประจุเซรามิก บริษัท มูราตะ แมนูแฟ็คเจอริ่ง จำกัด นายฮิโรคะซุ ซาซาฮาร่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ณ นิคมอุตสาหกรรมเวิลด์ ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2566


      อาคารโรงงานผลิตแห่งใหม่นี้จะใช้ผลิตตัวเก็บประจุแบบเซรามิกหลายชั้น (Multilayer Ceramic Capacitors) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ระดับเรือธงของมูราตะ และครองส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกสูงถึง 40% พร้อมกันนี้บริษัท มูราตะ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด มีแผนจะจ้างงานประมาณ 2,000 อัตราในอนาคตอันใกล้นี้



       เมื่ออาคารโรงงานผลิตใหม่นี้แล้วเสร็จจะเสริมให้มูราตะ มีฐานการผลิตคาปาซิเตอร์ในต่างประเทศสี่แห่ง ได้แก่นครอู๋ซี ประเทศจีน ประเทศสิงคโปร์ และประเทศไทย และอีกสองแห่งในนครฟูกูอิ และนครอิซูโมะ ประเทศญี่ปุ่น

        
       ทั้งนี้มูราตะให้ความสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างองค์กรที่จะสามารถตอบสนองต่อการเติบโตทั้งระยะกลางถึงระยะยาวในความต้องการตัวเก็บประจุแบบเซรามิกหลายชั้น โดยมุ่งมั่นที่จะขยายห่วงโซ่อุปทานเพื่อให้การส่งมอบมีความเสถียรและต่อเนื่องด้วยการให้มีการผลิตในหลากหลายแห่ง


      ในปัจจุบันด้วยความแพร่หลายของสมาร์ทโฟนที่ใช้เทคโนโลยี 5จี และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ย่อส่วน เช่นอุปกรณ์สวมใส่ ส่งผลให้มีความต้องการในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ย่อส่วนเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งความหนาแน่นของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน  ดังนั้นตัวเก็บประจุแบบเซรามิกหลายชั้นจึงตอบโจทย์อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์สวมใส่ได้เป็นอย่างดี  โดยเฉพาะในสมาร์ทโฟนระดับไฮเอ็นด์สามารถติดตั้งคาปาซิเตอร์ชนิดนี้ได้มากถึง 1,000-1,200 ตัวเลยทีเดียว เป็นการแสดงให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มขึ้นในเทคโนโลยีการย่อส่วนและขีดความสามารถ


      ดังนั้น เพื่อตอบสนองความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นนี้ในระยะกลางและระยะยาว มูราตะ จึงได้ขยายกำลังการผลิตตัวเก็บประจุแบบเซรามิกหลายชั้นเพิ่มขึ้นอีกปีละ 10% เพื่อตอบสนองต่อการขยายตัวในวงการอิเล็กทรอนิกส์
        บริษัท มูราตะ แมนูแฟ็คเจอริ่ง จำกัด เป็นผู้นำระดับโลกในการออกแบบ ผลิต และจัดจำหน่ายโซลูชั่นและชิ้นส่วนอิเล็กโทรนิกส์พื้นฐานเซรามิกแบบพาสซีฟ  โมดูลการสื่อสารและโมดูลจ่ายไฟ  มูราตะ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาวัสดุอิเล็กโทรนิกส์ขั้นสูงและโมดูลความหนาแน่นสูง หลากหลายฟังก์ชั่น ระดับชั้นนำ  และบริษัทยังมีฐานการผลิตและว่าจ้างพนักงานทั่วโลก
https://corporate.murata.com/en-global

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"      ERGO แบรนด์ประกันภัยชั้นนำจากเยอรมัน...