วันพุธที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2566

อุลตร้า วี ประเทศไทยรุกตลาดความงาม เชิญแพทย์สร้างมิติใหม่วงการความงาม ดึงไหมน้ำ “ULTRACOL” เอาใจเทรนด์เกาหลี

อุลตร้า วี ประเทศไทยรุกตลาดความงาม

เชิญแพทย์สร้างมิติใหม่วงการความงาม

ดึงไหมน้ำ “ULTRACOL” เอาใจเทรนด์เกาหลี


















           สร้างมิติใหม่สำหรับวงการความงาม บริษัท อุลตร้าวี เมดิคอล เอสเทธิค (ประเทศไทย) จำกัด  โดย กัลยารัตน์ ชุตาทวีสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ และ นพ.ไพศาล รัมณีย์ธร คณบดีสำนักวิชาเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงและรพ.แม่ฟ้าหลวง จัดบรรยายให้ความรู้ด้านสุขภาพเรื่อง ULTRACOL PDO microsphere (อัลตร้าคอล พีดีโอ ไมโครสเฟียร์) นวัตกรรมแห่งวงการแพทย์ความงามเพื่อเพิ่มขีดจำกัดยกระดับฝีมือแพทย์ไทยให้ทันเทรนด์โลก     โดยมีแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยร่วมงานกว่า 50 ท่าน ที่ตึก พี เอส ทาวเวอร์

กัลยารัตน์ ชุตาทวีสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทอุลตร้าวี เมดิคอล เอสเทธิค ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันคนไทยได้บินไปเสริมความงามที่ต่างประเทศกันค่อนข้างมาก ทางบริษัทฯ เล็ง เห็นว่าธุรกิจความงามกำลังเติบโตและเป็นที่ยอมรับในกลุ่มวัยรุ่นหนุ่ม สาว แม้แต่คนสูงวัย รวมถึงเทรนด์ความงามของปีนี้เป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากงานผิว ผิวดี ผิวสวย ดูเป็นธรรมชาติ ดังนั้นแพทย์ไทยที่มีความสามารถไม่แพ้ประเทศใดในโลกอยู่แล้ว ทางบริษัทที่เป็นผู้นำด้าน Skin Quality ในไทย จึงนำ  “ULTRACOL” PDO microsphere นวัตกรรมแห่ง Aesthetic ที่ใช้สาร PDO หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งในวงการแพทย์ว่า ไหมน้ำ” ได้ผ่านการรับรองของอย. เป็นที่เรียบร้อย และตอบโจทย์คนไทยเป็นผลิตภัณฑ์ที่กำลังติดเทรนด์ที่ใช้กันทั่วโลก เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรองความปลอดภัยจาก Korea Food and Drug  Administration จากประเทศเกาหลี รวมถึงได้จดสิทธิบัตรเฉพาะของ UltraV และได้รับรางวัลยอดเยี่ยม IR52 Jang Young Sill award จากเกาหลีใต้และงานในวันนี้จัดขึ้นเพื่อการเรียนการสอนการใช้ผลิตภัณฑ์ให้มั่นใจ เพื่อเป็นการยกระดับฝีมือแพทย์ไทย มีการอบรมแพทย์( Training) ใน 44 ประเทศทั่วโลกมาแล้ว

นพ. ไพศาล รัมณีย์ธร คณบดีสำนักวิชาเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงและรพ.แม่ฟ้าหลวง กล่าวว่า เวชศาสตร์ชะลอวัยคือศาสตร์ในป้องกันความเสื่อมในร่างการกายและฟื้นฟูสุขภาพโดยมีจุดประสงค์ให้คนเรามีอายุยืนและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเพื่อเสริมสร้างซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย โดยใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์

ปัจจุบันนี้วงการแพทย์ด้านความงามมีการพัฒนาความก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพอย่างมาก รวมถึงคนในสมัยใหม่มีการดูแลสุขภาพใบหน้า ผิวพรรณกันมากขึ้น รวมถึงการเติมเต็มบนใบหน้า ให้ดูสวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและได้รับการรับรองมาตรฐานจึงตอบโจทย์ความทันสมัยด้วยเทคนิคการเติมเต็มนี้ ULTRACOL (ไหมน้ำ) โดยมีลักษณะเป็นผงไหมน้ำในรูปแบบฉีด นวัตกรรมนี้ถูกคิดค้นมาเพื่อให้ผิวเกิดการสร้างคอลลาเจนจากภายใน โดยไหมน้ำจะช่วยทำให้กระจายตัวได้ทั่วบริเวณใบหน้าเพื่อกระตุ้นคอลลาเจนได้เป็นบริเวณกว้าง เพิ่มความหนาแน่นของชั้นผิว ลดการบาดเจ็บ ลดการบวมช้ำ เมื่อเราอายุมากขึ้น สิ่งที่ตามมาคือผิวที่หย่อยคล้อย Telomere ลดลงจึงต้องมีตัวช่วย ผลิตภัณฑ์ “ULTRACOL” ตัวนี้จะช่วยในเรื่องผิวหน้าให้มีความยืดหยุ่นเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ที่ใช้บริการและสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี

    อย่างไรก็ตาม ULTRACOL PDO microsphere หรือไหมน้ำสามารถฉีดได้แม้ในบริเวณที่บอบบางที่สุดอย่างใต้ดวงตา และฉีดได้ทุกจุดบนใบหน้าไม่มีข้อห้ามใด ๆ ผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะช่วยในเรื่องผิวหน้าให้มีความยืดหยุ่นด้วยการกระตุ้นผิวให้ผลิตคอลลาเจน และเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการได้

อุลตร้า วี ประเทศไทย จัดงานบรรยายเชิญแพทย์สร้างมิติใหม่วงการความงามดึงไหมน้ำ “ULTRACOL” เอาใจเทรนด์เกาหลี

อุลตร้า วี ประเทศไทย จัดงานบรรยายเชิญแพทย์สร้างมิติใหม่วงการความงามดึงไหมน้ำ “ULTRACOL” เอาใจเทรนด์เกาหลี

อุลตร้า วี ประเทศไทย จัดงานให้ความรู้ด้านสุขภาพความงามด้านวิชาการเรื่อง ULTRACOL PDO microsphere (อัลตร้าคอล พีดีโอ ไมโครสเฟียร์) นวัตกรรมแห่งวงการแพทย์ความงามเพื่อเพิ่มขีดจำกัดยกระดับฝีมือแพทย์ไทยให้ทันเทรนด์โลก โดยมีแพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยร่วมงานกว่า 50 คนเข้าร่วมงาน ที่ชั้น 25 ตึกพี เอส ทาวเวอร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง

งานในวันนี้จัดขึ้นเพื่อการเรียนการสอนการใช้ผลิตภัณฑ์ให้มั่นใจ เพื่อเป็นการยกระดับฝีมือแพทย์ไทย มีการอบรมแพทย์( Training) ใน 44 ประเทศทั่วโลกสำหรับ  “ULTRACOL” PDO microsphere นวัตกรรมแห่ง Aesthetic ผ่านการรับรองของอย. เป็นที่เรียบร้อยการสัมมนาในครั้งนี้มีแพทย์ชื่อดังเป็นวิทยากรบรรยาย อาทิ นพ.ไพศาล รัมณีย์ธร คณบดีสำนักวิชาเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง, นายแพทย์วรพจน์ ศิรามังคลานนท์ แพทย์ชื่อดังด้านความงาม, นายแพทย์ลัทธพล ม้าลายทอง จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านกระจกตา และคุณกัลยารัตน์ ชุตาทวีสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทอุลตร้าวี เมดิคอล เอสเทธิค ประเทศไทย จำกัด

โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น จัดแพ็คเกจเที่ยวมหัศจรรย์เชียงราย 3 แพ็คเกจสุดคุ้ม

โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น  จัดแพ็คเกจเที่ยวมหัศจรรย์เชียงราย 3 แพ็คเกจสุดคุ้ม

             โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น ภูมิใจนำเสนอแพ็คเกจมหัศจรรย์เชียงราย  3 แพ็คเกจสุดคุ้ม พักสบาย 3 วัน 2 คืนที่ห้องดีลักซ์ พร้อมอาหารเช้า และบริการดังนี้

แพ็คเกจ A.  High Tea Set ชายามบ่ายที่ห้องไลบรารี่ คาเฟ่ แอนด์ ไวน์ ราคาเพียง  4,900  บาท สำหรับ 2 ท่าน

แพ็คเกจ B. เที่ยวในเมือง  พาเที่ยวชมบรรยากาศยามค่ำคืน เมืองเชียงราย (ไนท์บาร์ซาร์เชียงราย / หอนาฬิกาเฉลิมพระเกียรติฯ / ถนนคนเดินวันเสาร์) ซึ่งมีรถบริการ 2 รอบ ในช่วงเวลา 18.45 น.และ 19.45 น. ราคาเพียง   4,600 บาท สำหรับ 2 ท่าน

แพ็คเกจ C. เที่ยววัดเชียงราย พาไหว้พระ เอาใจสายบุญ 3 วัดดังในเชียงราย (วัดพระแก้ว / วัดพระสิงห์ / วัดพระธาตุดอยจอมทอง) ในราคาเพียง 5,400 บาท สำหรับ 2 ท่าน

              ทุกแพ็คเกจมีบริการ Wifi  ชากาแฟในห้องพัก ฟิตเนส สระว่ายน้ำ สวนแมกไม้ร่มรื่น และอื่นๆ อีกมากมาย  ตั้งแต่ วันนี้ – 31 ตุลาคมนี้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือจองได้ที่โทร 052 055 888  Line ID: @335tkcsv  และ: https://shorturl.asia/Upc2n หรือ www.heritagechiangrai.com


ททท. เปิดหมุดหมายใหม่ “เส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง Happy Link Thailand’s Dream Destinations ภายใต้ โครงการ The LINK Local to Global”

ทททเปิดหมุดหมายใหม่ เส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง 

Happy Link Thailand’s Dream Destinations

ภายใต้ โครงการ The LINK Local to Global”

        การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เชิญชวนนักท่องเที่ยวร่วมเปิดประสบการณ์การเดินทางครั้งใหม่ กับโครงการ เส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง Happy Link : Thailand’s Dream Destinations เชื่อมความสุขกับปลายทางแห่งการท่องเที่ยว ภายใต้ โครงการ The LINK Local to Global” ที่ ทททจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวข้ามภูมิภาค ด้วยการนำเสนอภาพลักษณ์การท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ ผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวที่พัฒนาและยกระดับในมุมมองใหม่

 นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานในงานแถลงข่าว เส้นทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง Happy Link  Thailand’s Dream Destinations เชื่อมความสุขกับปลายทางแห่งการท่องเที่ยว ภายใต้ โครงการ The LINK Local to Global” โดยมี ชนินทร จิตปรีดา (แวน) นักแสดง และ คอนเทนท์ครีเอเตอร์ มาร่วมพูดคุยในเรื่องการเดินทางท่องเที่ยว ณ ห้องโถงธนะรัชต์ ชั้น 1 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เมื่อวันอังคารที่ 29 สิงหาคม 2566

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวถึงความเป็นมารวมถึงเชิญชวนนักท่องเที่ยวเปิดประสบการณ์ผ่านเส้นทางการท่องเที่ยวใหม่ว่า โครงการดังกล่าว ได้รับความมือจากพันธมิตรที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ในการจัดทำเส้นทางท่องเที่ยวพื้นที่เชื่อมโยง เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางกระจายตัวของนักท่องเที่ยวข้ามภูมิภาคไปยังจังหวัดต่างๆของประเทศไทย ด้วยการนำเสนอภาพลักษณ์การท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ ผ่านสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวที่พัฒนาและยกระดับด้านการท่องเที่ยวในมุมมองใหม่ โดยเสนอผ่านเรื่องราว วิถีชีวิต วัฒนธรรม เชื่อมโยงพื้นที่ในมิติต่างๆ ทั้งด้านการคมนาคม สังคม ประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตและชุมชน รวมทั้งสร้างความเข้มแข็งด้านการท่องเที่ยวให้กับชุมชน ผู้ประกอบการ ในพื้นที่ ซึ่งจะสามารถสร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างยั่งยืนตลอดทั้งปี และก่อให้เกิดรายได้สู่เศรษฐกิจ สังคม และชุมชน ตลอดจนห่วงโซ่อุปทาน  ผ่านเส้นทางท่องเที่ยว 15 พื้นที่เชื่อมโยง จำนวน 30 เส้นทาง ทั้ง 5 ภูมิภาค พร้อมผลักดันสู่การเป็น 1 ในหมุดหมายใหม่ที่จะสร้างคุณค่าและประสบการณ์ในการเดินทางท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นำไปสู่การยกระดับการท่องเที่ยวไทย สู่การเป็น 1 ใน destination การท่องเที่ยวระดับโลกต่อไปในอนาคต

และในวันนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมแล้วที่จะเชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาสัมผัสคุณค่าและประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวข้ามภูมิภาคผ่านเส้นทางท่องเที่ยว 15 พื้นที่เชื่อมโยง จำนวน  30 เส้นทาง โดยมีเส้นทางเชื่อมโยงไฮไลท์ที่น่าสนใจ อาทิ

เส้นทางเชื่อมโยง : จังหวัดแพร่ คู่กับ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ผ่านการเชื่อมโยงเรื่องราวของแฟชั่นงานผ้า Craft & Kram ผ้าหม้อห้อมซึ่งเป็นสินค้า GI ของจังหวัด เชื่อมโยงกับ ผ้าพิมพ์ลายพื้นเมืองโขมพัสตร์

เส้นทางเชื่อมโยง : จังหวัดเพชรบุรี คู่กับ จังหวัดเชียงใหม่ ผ่านการเชื่อมโยงเรื่องราวเส้นทางท่องเที่ยว  The Royal Route “เที่ยวพริบพรีภิรมย์” ชิมขนม ชมวัง ฟังเสียงคลื่น กับ กิจกรรมล่องเรือชมแม่น้ำปิงภิรมย์นาวาพร้อมจิบชา afternoon tea

เส้นทางเชื่อมโยง : จังหวัดจันทบุรี คู่กับ จังหวัดอุบลราชธานี ผ่านการเชื่อมโยงเรื่องราวของเส้นทางอาหาร เมนูสมุนไพรประจําถิ่น ที่มีชื่อเสียงประจําจังหวัดจันทบุรี อาทิ การนำกระวานมาเป็นวัตถุดิบในการปรุงอาหาร เชื่อมโยงกับ อาหารถิ่นจังหวัดอุบลราชธานีที่ได้รับสัญลักษณ์ ‘บิบ กูร์มองด์’ จากมิชลินไกด์ ปี 2566

เส้นทางเชื่อมโยง : จังหวัดนครพนม คู่กับ จังหวัดนครศรีธรรมราช ผ่านการเชื่อมโยงด้วยความศรัทธา ความเชื่อ ที่แสดงออกถึงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของงานประเพณีบวงสรวงองค์พญาศรีสัตตนาคราช จังหวัดนครพนม และงานประเพณีแห่ผ้าขึ้นธาตุยามค่ำคืน จังหวัดนครศรีธรรมราช

อนึ่ง นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเส้นทางท่องเที่ยว 15 พื้นที่เชื่อมโยง จำนวน 30 เส้นทางทั้งหมดได้ที่ www.tourismthailand.org  


 

วันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2566

ทีเส็บจัดกิจกรรม ONE BELT ONE ROAD MICEROADSHOW เตรียมพร้อมผู้ประกอบการไมซ์ 3 ประเทศ ต่อยอดเส้นทาง R3A รถไฟ จีน – ลาว - ไทย เข้าสู่ใจกลางกรุงเทพฯ

ทีเส็บจัดกิจกรรม ONE BELT ONE ROAD MICEROADSHOW

เตรียมพร้อมผู้ประกอบการไมซ์ 3 ประเทศ ต่อยอดเส้นทาง R3A

รถไฟ จีน – ลาว - ไทย เข้าสู่ใจกลางกรุงเทพฯ



การพัฒนาเส้นทางสายไหมใหม่ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้ชื่อ One Belt One Road หรือ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ส่งผลให้ภูมิภาคอาเซียนรวมถึงประเทศไทยมีความใกล้ชิดกับสาธารณรัฐประชาชนจีนมากยิ่งขึ้น สาธารณรัฐประชาชนจีนมีบทบาทสำคัญโดยเฉพาะการเดินทางมาท่องเที่ยวและทำกิจกรรมไมซ์บนพื้นที่เชื่อมโยง โดยมีประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทาง เนื่องจากนักเดินทางชาวจีนมีความชื่นชอบการเดินทางและการค้นหาจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวในต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะ ประเทศไทย

เส้นทางสายไหมใหม่นี้ จึงเป็นเส้นทางสำคัญเส้นทางหนึ่งของการเดินทางมาประเทศไทยของนักเดินทางชาวจีนในอนาคต หลังจากจีนเปิดประเทศและจากการเปิดเดินรถไฟความเร็วสูงอย่างเป็นทางการ ส่งผลให้เกิดการตื่นตัวกันในวงกว้างถึงการเตรียมการรองรับนักเดินทางระหว่างประเทศในภูมิภาค CLMV - สาธารณรัฐประชาชนจีน  เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับนักเดินทางบนเส้นทางดังกล่าว สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ สสปน. หรือ ทีเส็บ ร่วมกับ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) จัดกิจกรรม ONE BELT ONE ROAD MICE ROAD SHOW 2023 ขึ้น โดยเชิญ Potential Buyer จาก สปป.ลาว จีน และเมียนมาร์ ที่สนใจทำตลาดไมซ์บนเส้นทาง One Belt One Road เชื่อมโยงประเทศไทย สัมผัสประสบการณ์ไมซ์เส้นทางสายเชียงราย-พิษณุโลก- กรุงเทพฯ ร่วมกิจกรรมสร้างเครือข่ายและเจรจาจับคู่ทางธุรกิจกับผู้ประกอบการบนเส้นทางเชือมโยง เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการได้เชื่อมโยงเครือข่าย อันนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดสู่เส้นทางไมซ์ไหม่ในอนาคตร่วมกัน


ดร.ศุภวรรณ ตีระรัตน์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ สสปน. หรือ ทีเส็บ กล่าวว่า สำหรับการจัดกิจกรรม ONE BELT ONE ROAD MICE ROAD SHOW 2023 ในครั้งนี้ ทีเส็บได้ร่วมกับสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เรียนเชิญ Potential Buyer จากสปป.ลาว จีน และเมียนมาร์ ที่ทำตลาดบนเส้นทาง One Belt One Road อยู่เดิมและสนใจจะขยายตลาดใหม่เพื่อเชื่อมโยงเส้นทาง R3A กับจังหวัดต่างๆ ของประเทศไทย กว่า 20 ราย ร่วมกิจกรรมสร้างเครือข่ายและเจรจาจับคู่ทางธุรกิจกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวและไมซ์บนเส้นทางเชียงราย-พิษณุโลกกรุงเทพฯ เพื่อสร้างโอกาสในการต่อยอดเส้นทาง R3A มายังภาคเหนือและเชื่อมต่อเข้าสู่ใจกลางประเทศไทย เพื่อเป็นการเพิ่มมิติความหลากหลายทางวัฒนธรรมของเส้น R3A และสร้างแรงจูงใจในการตัดสินใจเดินทางมาพำนักเพื่อทำกิจกรรมไมซ์ในประเทศไทยยาวนานขึ้น ผ่านการนำเสนอสถานที่และแหล่งท่องเที่ยวใหม่ในประเทศไทยที่น่าสนใจแก่ผู้ประกอบการ เพื่อนำไปสู่การต่อยอดเป็น Package โปรแกรมเส้นทางไมซ์สร้างสรรค์ต่อไป โดยคาดว่าการเชิญกลุ่ม Buyer จากทั้ง 3 ประเทศเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ จะเกิดมูลค่าการจับคู่ทางการค้ากับคู่เจรจาของทั้ง 3 จังหวัดภายหลังงานไม่น้อยกว่า 18 ล้านบาท 


ด้านนายชัยพฤกษ์ ทองคำ นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) เล็งเห็นว่าความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชนในครั้งนี้ ผ่านการจัดกิจกรรม ONE BELT ONE ROAD MICE ROAD SHOW 2023 จะเป็นโอกาสสำคัญในการฉายภาพให้เห็นว่า นอกจากด่านชายแดนที่จังหวัดหนองคายแล้ว ยังมีด่านชายแดนที่มีศักยภาพอีกหลากหลายเส้นทาง ซึ่งด่านชายแดนในภาคเหนือ อันประกอบไปด้วย ด่านชายแดนเชียงของ-ห้วยทราย และด่านแม่สาย จังวัดเชียงราย ซึ่งสามารถเชื่อมโยงได้ทั้งทางราง รถ และทางเรือ และถือเป็นด่านชายแดนสำคัญที่มีศักยภาพสูง สามารถต่อยอดเส้นทางให้เกิดแรงจูงใจในการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยว MICE ได้เป็นอย่างดีอีกเส้นทางหนึ่ง โดยเฉพาะนักเดินทางชาวจีนที่เข้ามายังเส้นทางนี้ ส่วนมากมาเป็นกลุ่มคณะใหญ่และส่วนใหญ่จะเป็นนักธุรกิจที่มีความพร้อมในการเดินทาง โดยจะจองที่พักโรงแรมหรู หรือ 4 ดาวขึ้นไป ดังนั้น การเลือกนำเสนอสถานที่บนเส้นทางเชียงราย-พิษณุโลกกรุงเทพฯ ในการทำ Route เส้นทางไมซ์ในครั้งนี้ จึงเป็นการแสดงศักยภาพให้เห็นว่า ทั้ง 3 จังหวัดนี้ ถือเป็นเมืองต้นแบบที่มีศักยภาพรองรับการเดินทางมาของนักท่องเที่ยวเชิงธุรกิจได้เป็นอย่างดี

 
         

                                                                                               

 

วันศุกร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2566

‘สระบุรีแซนด์บ็อกซ์-เมืองคาร์บอนต่ำ’ จังหวัดต้นแบบลดก๊าซเรือนกระจกของไทย

‘สระบุรีแซนด์บ็อกซ์-เมืองคาร์บอนต่ำ’ 

จังหวัดต้นแบบลดก๊าซเรือนกระจกของไทย

             นายผล ดำธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี และ ดร. ชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) ประกาศเจตนารมณ์ “ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (Public-Private Partnership : PPP)  พัฒนาจังหวัดต้นแบบ-สระบุรีเมืองคาร์บอนต่ำ ‘PPP-Saraburi Sandbox: A Low Carbon City’ จังหวัดแรกของประเทศไทย ตามแนวทาง BCG รวมทั้งสนองตอบต่อนโยบายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และปลดปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) โดยมีตัวแทนทุกภาคส่วนร่วมงาน ณ หอประชุมจังหวัดสระบุรี ศาลากลางจังหวัดสระบุรี


จังหวัดแพร่จัดงาน Phrae creative Festival ส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงวันหยุด

จังหวัดแพร่จัดงาน Phrae creative Festival ส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงวันหยุด พร้อมแต่งแต้มจินตนาการผลงานศิลปะ และงานฝีมือศิลปะพื้นถิ่นเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ทั้งด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว



               นายชุติเดช มีจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่พร้อมด้วย นางณัชชา มีจันทร์ ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดแพร่ เปิดงาน  Phrae  creative Festival   โดยมีนางเกศกนก เดชมา ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดแพร่ กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์การจัดกิจกรรมและเป็นหน่วยดำเนินการในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ ภายในงานมีการจัดแสดงผลงานศิลปะหลากหลายแขนงเช่น การแสดงผลงานศิลปะ และภาพวาดงานเพ้นท์สีงานแกะสลัก และยังมีการออกร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นถิ่นงานฝีมือ งานแฮนด์เมดผ้าพื้นเมืองผ้าหม้อห้อมงานออกแบบแฟชั่น รวมกว่า 30 บูธ และบูธนิทรรศการจากหน่วยงานต่างๆอีกหลายหน่วยงานและยังมีพื้นที่กิจกรรมสำหรับเด็กๆและเยาวชนรวมถึงในภาคกลางคืนยังมีการแสดงดนตรีและการแสดงทางวัฒนธรรมเพื่อเปิดโอกาสให้เด็กๆและเยาวชนได้มีเวทีในการแสดงออกและบริเวณหน้างานยังมีการฉายหนังกลางแปลงโดยจะมีภาพยนตร์ที่ผลิตและถ่ายทำในเมืองแพร่มาฉายให้ผู้เข้าร่วมงานชม รวมถึงยังมีกิจกรรมเสวนาในหัวข้อเมืองแพร่สร้างสรรค์ ที่สวนสุขภาพเฉลิมพระเกียรติ ร. 9 อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2566




               งาน Phrae creative Festival จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-14 สิงหาคม 2566 ที่บริเวณสวนสุขภาพเฉลิมพระเกียรติร. 9 ด้านข้างศาลากลางจังหวัดแพร่ โดยได้สร้างความร่วมมือและสนับสนุนการจัดกิจกรรมทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจากหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดแพร่ มุ่งเน้นเพื่อใช้ศิลปะและความคิดสร้างสรรค์เป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงคนในชุมชน เพื่อให้เกิดกระบวนการเรียนรู้และการคิดเชิงวิพากษ์ ระหว่างศิลปินที่ทำงานศิลปะ นักศึกษาศิลปะ นักสร้างสรรค์ และพื้นที่แห่งความทรงจำ กับผู้คนที่เคยมีประสบการณ์ร่วม โดยผ่านกระบวนการการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน และศิลปิน อันก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคม หรือนําไปสู่ผลอันดี ผ่านการจัดกิจกรรมทางศิลปะ วัฒนธรรมร่วมสมัยในครั้งนี้ และช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวให้จังหวัดแพร่เติมนักท่องเที่ยวเติมเศรษฐกิจเข้าสู่จังหวัดในช่วงวันหยุดยาว ในช่วงกลางเดือนสิงหาคมนี้

สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดแพร่...รายงาน

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"      ERGO แบรนด์ประกันภัยชั้นนำจากเยอรมัน...