วันพุธที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2565

"ม่วนชื่นรื่นรมย์ ชุมชนนอร์ทอีส" เที่ยวสังสรรค์ กาญจนบุรี สักการะหลวงพ่อชินประทานพร สนุกสนานกับการล่องแพ สัมผัสทิวทัศน์เกาะเซจูที่ วอน แด ซอง เที่ยว Unseen ถ้ำนาคา

"ม่วนชื่นรื่นรมย์ ชุมชนนอร์ทอีส" เที่ยวสังสรรค์

กาญจนบุรี สักการะหลวงพ่อชินประทาน

พร สนุกสนานกับการล่องแพ สัมผัสทิวทัศน์เกาะเซจูที่ วอน แด ซอง เที่ยว  Unseen ถ้ำนาคา



บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) บริษัทผู้ผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์จากยางพารา ยางสังเคราะห์ อาทิเช่น ยางแผ่นรมควัน ยาง compound และยางรูปแบบอื่นที่คล้ายกัน รวมทั้งบริษัทในเครือประกอบธุรกิจทางด้านการเกษตร เพื่อจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ จัดกิจกรรม "ม่วนชื่นรื่นรมย์ ชุมชนนอร์ทอีส" สังสรรค์พนักงานประจำปี เพื่อเป็นการพักผ่อนหย่อนใจและเป็นขัวญกำลังใจให้แก่พนักงาน พาเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรีและสระบุรี โดยมีคุณภณิดา จึงธนสมบูรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานซัพพลายเชน คุณปาร์ย อรรถพิสาล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจ คุณสมหมาย สุขสไว ผู้ช่วยรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานผลิต คุณภิรดา โทนะหงษา ผู้จัดการฝ่ายระบบบริหารจัดการคุณภาพ และคุณจีราภร พินิจรัมย์ ผู้จัดการฝ่ายการเงิน ร่วมเดินทางด้วย มี หจก. วี.เอ. แอร์ ทิกเกตแอนด์ทราเวล สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทยเป็นผู้ดำเนินการพาเที่ยว และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกาญจนบุรี ร่วมสนับสนุน




กิจกรรม "ม่วนชื่นรื่นรมย์ ชุมชนนอร์ทอีส" คณะนักท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่ก่อนออกเดินทางได้ทำการ ตรวจ ATK ทุกคน และขณะเดินทางก็ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด

คณะของเราออกจากบริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) จ.บุรีรัมย์ เมื่อตอนค่ำ ถึง จ.นครปฐมตอนเช้า แวะรับประทานอาหารเช้า ณ เดอะศาลายา อ.พุทธมณฑล สถานที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจด้วยสุนทรียภาพการพักผ่อนผสานความรื่นรมย์ที่ไม่เหมือนใคร



หลังจากทานอาหารเช้าเติมพลังแล้วก็ออกเดินทางสู่ วัดถ้าเสื้อ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เมื่อไปถึงพวกเราก็ต้องตกใจถึงความสูงของบันไดที่มีถึง 159 ขั้นจึงจะถึงด้านบน ทำให้พวกเราเหงื่อตกเลยทีเดียว แต่พอดีหันไปเห็นว่ามีรถไฟฟ้า เลยทำให้พวกเราลงความเห็นกันว่า ไปรถไฟฟ้าดีกว่า (ค่าบำรุงไฟฟ้าท่านละ 10  บาท รวมขาไปและกลับแล้ว) เมื่อนั่งรถไฟฟ้าไปบนยอดเขาด้านบนแล้ว พวกเราก็สัมผัสได้กับความใหญ่โตของ "หลวงพ่อชินประทานพร" เป็นพระพุทธรูปปางประทานพรที่มีพุทธลักษณะที่สวยงามมากตั้งเด่นเป็นสง่า  ตัวองค์พระประดับด้วยโมเสคสีทองทั้งองค์  ว่ากันว่าใหญ่ที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อมาถึงแล้วก็ต้องสักการะขอพรเป็นสิริมงคล จากนั้นพวกเราก็เดินไปยังพระเจดีย์เกศแก้วปราสาท เป็นพระเจดีย์สีอิฐทั้งองค์  เมื่อเดินวนขึ้นไปแต่ละชั้นจะเห็นว่า แต่ละชั้นประดิษฐานพระพุทธรูปต่างๆ มากมาย เมื่อเดินจนถึงชั้นบนสุดก็เป็นที่ประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศอินเดีย พวกเรากราบนมัสการพระธาตุแล้ว ก็เดินก็ลงไปข้างล่างเพื่อเข้าถ้ำเสือ ซึ่งเป็นถ้ำขนาดเล็กอยู่บริเวณเชิงเขาด้านล่าง ภายในประดิษฐานพระประจำวันเกิดและเจ้าแม่กวนอิม




เมื่อขอพรเป็นสิริมงคลแล้ว ก็เดินทางไปต้นจามจุรียักษ์ อ.ด่านมะขามเตี้ย อีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของกาญจนบุรี  เป็นต้นไม้อายุเก่าแก่มากกว่า 100 ปี ขนาด 10  คนโอบ แผ่กิ่งก้านสาขาใหญ่โตมโหฬารเป็นที่น่าอัศจรรย์ รัศมีทรงพุ่มเฉลี่ย 25.87 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางร่มเงาประมาณ 51.75  เมตร ความสูงจากพื้นดินถึงยอด 20 เมตร มี ซึ่งปัจจุบันจะหาชมต้นไม้ขนาดใหญ่เช่นนี้ได้ยากมาก ภายในจัดทำสะพานไม้เป็นวงกลมรอบต้นไม้ ให้นักท่องเที่ยวเดิน เพื่อป้องกันไม่ให้ไปเหยียบรากต้นไม้หรือขูดขอโชคตามความเชื่อ แล้วก็ได้เวลาอาหารเที่ยง มื้อนี้เราทานกันที่ ร้านอาหารครัวอนงค์






ชมความใหญ่โตของต้นจามจุรี ก็เดินทางไปสะพานข้ามแม่น้ำแคว หรือ ทางรถไฟสายมรณะ ทางรถไฟสายนี้สร้างขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยใช้แรงงานเชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตรและกรรมกรชาวเอเชียที่กองทัพญี่ปุ่นเกณฑ์มาสร้าง เพื่อใช้เป็นเส้นทางยุทธศาสตร์ผ่านประเทศพม่า ปัจจุบันเส้นทางนี้ไปสุดปลายทางที่บ้านท่าเสาหรือสถานีน้ำตก ระยะทางจากสถานีกาญจนบุรีถึงสถานีน้ำตกเป็นระยะทางประมาณ 77 กิโลเมตร การรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดเดินรถบนเส้นทางนี้ทุกวันและจัดรถไฟขบวนพิเศษสายกรุงเทพฯ-น้ำตก ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ จุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากคือช่วงสะพานข้ามแม่น้ำแคว และช่วงโค้งมรณะหรือถ้ำกระแซ ซึ่งเป็นสะพานโค้งเลียบแม่น้ำแควน้อยยาวประมาณ 400 เมตร หลังจากถ่านรูปเซลฟี่เก็บไว้เป็นที่ระลึกแล้ว ก็เดินทางไปรับประทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารครัวผักหวาน จากนั้นสมควรแก่เวลาก็เดินทางไปพักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรม ไมค้า รีสอร์ท กาญจนบุรี






เช้าวันใหม่ พวกเราก็เดินทางไปเกาะเซจู ประเทศเกาหลีกัน แต่ไม่ได้ไปต่างประเทศนะ แต่เป็นเกาหลี@เมืองกาญจนบุรี นั่นคือสวนวอน แด ซอง ในซอยเก้าแสนรีสอร์ท ถ.กาญจนบุรี-ไทรโยค อยู่เลยตัวเมืองกาญจนบุรีมาประมาณ 20 กว่า กม.  เป็นสถานที่พักผ่อนท่ามกลางหุบเขาล้อมรอบ ที่สร้างตกแต่งผสมผสานแนวเกาหลีโบราณกับสวนดอกไม้หลากสีสันที่แข่งขันกันชูช่ออวดความสวยงาม (ดอกไม้สีสวยของที่นี่จะมีให้ชมตลอดทั้งปี โดยจะหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนชนิดและสีสันไปเรื่อยๆ ไม่ซ้ำกัน) ในสวนก็จะมีการจัดมุมให้ถ่ายรูปหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นเก้าอี้สีขาวกลางทุ่ง บัลลังก์ดอกไม้ บันไดสู่สวรรค์ ตัดกับสีเขียวชอุ่มของภูเขาที่เป็นฉากหลัง มีศาลากว้างที่คล้ายบ้านเกาหลีแบบโบราณที่เป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังมี ทอลฮารูบัง หรือหินปู่ อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของเกาะเชจู เป็นรูปปั้นที่ทำมาจากหินลาวาสลัก ชาวเกาะเชจูเชื่อว่าทำหน้าที่พิทักษ์คุ้มครองชาวบ้านและสถานที่ต่างๆ และมักจะมีผู้มาขอพรในเรื่องต่างๆ ได้แก่ ถ้าต้องการให้ร่ำรวยให้ลูกที่ท้อง ถ้าอยากมีคู่ให้ลูบที่หัวหรือหมวก ถ้าอยากได้ลูกสาวให้ลูบหู และถ้าอยากได้ลูกชายให้ลูบจมูก ที่นี่ยังมีชุดฮันบกให้เช่าถ่ายรูปเก๋ๆ มาที่แล้วเหมือนได้ไปเกาหลีจริงๆ มาแล้วก็ต้องถ่ายรูปไปอวดกันสักหน่อยว่าไปเที่ยวเกาะเซจู เกาหลี@เมืองกาญจนบุรี อ๋อลืมบอกไปค่าบริการเข้าชมสวนคนละ 70 บาท แต่ใช้ได้ตลอดทั้งปี



ถ่ายรูปกันจนจุใจก็เดินทางไปที่ถ้ำกระแซ ถ้ำนี้เคยเป็น ที่พักของเชลยศึก เมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายมรณะจากไทยไปพม่า และภายในถ้ำยังมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ด้วย หลังจากสักการะขอพรพระพุทธรูในถ้ำเรียบร้อย ก็เดินไปถ่ายรูปจุดที่สวยที่สุดของทางรถไฟสายมรณะ เป็นรางรถไฟสะพานโค้งเลียบแม่น้ำแควน้อยยาวประมาณ 400 เมตร ติดเลียบหน้าที่มีความสูง มองลงไปด้านล่างทำหวาดเสียวขาสั่นนิดๆ แต่ก็ต้องใจกล้าเพราะอยากได้ภาพสวยๆ กลับมาเป็นที่ระลึก แล้วก็ได้เวลาอาหารเที่ยงอีกแล้ว มื้อนี้แวะทานกันที่ชานชาลา





แล้วก็ได้เวลาที่ทุกคนรอคอยนั่นคือการล่องแพเปียก กิจกรรมสุดคลาสสิค กับการล่องแพ อิสระเสรีกับการเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางธรรมชาติสองฟากฝั่งของแม่น้ำแควที่สวยงามและมีความสมบูรณ์ ปิดท้ายวันด้วยงาน ปาร์ตี้ "ม่วนชื่นรื่นรมย์ ชุมชนนอร์ทอีส" โดยมีคุณภณิดา จึงธนสมบูรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานซัพพลายเชน เป็นประธานเปิดงาน ช่างเป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ที่สนุกสนาน อบอวลด้วยมิตรภาพ แถมมีรางวัลจากบริษัทฯ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ติดมือกลับไปอีกด้วย



วันรุ่งขึ้นพวกเราก็เช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม ไมด้า รีสอร์ท กาญจนบุรี เดินทางกลับบุรีรัมย์ ระหว่างทางแวะร้านแก้ว อำเภอท่าม่วง เพื่อซื้อของฝากที่ขึ้น ได้แก่ ขนมชั้น ทองม้วนสด มะขามกวน ทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารนพรัตน์

เที่ยวตลาดหัวปลี อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.สระบุรี เป็นตลาดสวนสวยท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มรื่น อากาศโปร่งโล่งสบาย พร้อมร้านค้าจากชุมชนจำนวน 100 ร้านค้า ที่ผ่านการฝึกอบรมใส่ใจสุขภาพและสุขอนามัย มีอาหารขนมอร่อยให้ลิ้มลอง ปรุงสุกสดใหม่ พืชผักสมุนไพรปลิดภัย ไอศกรีม เครื่องจักสาน งานหัตถกรรม ของใช้ ของที่ระลึก เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย และสินค้าแปรรูป ผลิตภัณฑ์เกษตรชุมชน เพื่อให้นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนมีความสุข มีสุขภาพที่ดี






ปิดท้ายทริปนี้ที่วัดแก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2330 แต่เดิมมีชื่อว่า วัดแร้งคอย เพราะมีต้นไม้ใหญ่ไม่กี่ต้นริมแม่น้ำป่าสักด้านหลังวัดที่มีอายุมากเป็นร้อยปี ที่เป็นที่อยู่ของอีแร้ง ชาวบ้านจึงเรียกว่าวัดแร้งคอย ต่อมาทางราชการได้ทำการตั้งชื่อวัดเป็นทางการว่า “วัดจมูสโมสร” แล้วเปลี่ยนมาเป็น "วัดแก่งคอย"  พวกเรามาที่นี่เพื่อมาชมถ้ำนาคา วังพญานาค หนึ่งใน Unseen ที่สวยงามตระการตาที่สายมูไม่ควรพลาด ภายในตกแต่งเป็นถ้ำใต้บาดาลจำลอง ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของพญานาค มีประติมากรรมกรรมพญานาคและพ่อปู่ศรีสุทโธ ซึ่งเป็นที่เคารพของชาวไทยที่มีความเชื่อในเรื่องของพญานาค ประดับประดาด้วยหลอดไฟหลากสี ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในถ้ำใต้น้ำที่ดูลึกลับและศักดิ์สิทธิ์




ภายในวัดยังมีพระธาตุเจดีย์ศรีป่าสัก เป็นเจดีย์องค์ใหญ่สีขาวตัดขอบทอง ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ที่ให้เราได้กราบสักการะ ภายในองค์เจดีย์มีจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่อง พุทธชาดกและตำนานเทวดาต่างๆ สวยงามมากทีเดียว รอบๆ ระเบียงคดขององค์พระธาตุเจดีย์ประดิษฐานพระพุทธรูปหินทรายปางประจำวันเกิดเรียงรายกันโดยจะมีโอ่งใส่น้ำพร้อมแก้วใบเล็กวางไว้ข้างๆ พระพุทธรูปประจำวันเกิดทุกองค์เพื่อให้ประชาชนรดน้ำขอพร และอนุสาวรีย์ผู้ประสบภัยทางอากาศ สงครามโลกครั้งที่สอง ที่ด้านบนติดตั้งลูกระเบิดปรมาณูที่ถูกทิ้งลงมาในคราวสงคราม เมื่อเหตุการณ์สงบลงชาวบ้านจึงเก็บมารวบรวมไว้กับข้าวของอื่น ๆ จนได้นำมาสร้างเป็นอนุสาวรีย์ในที่สุด ซ้ายมือของอนุสาวรีย์มีแท่นหินอ่อนสลักตัวอักษรจีนโบราณ เป็นแท่นที่ระลึกถึงวิญญาณทหารญี่ปุ่น ชื่อว่านายซากุโร กายิโมโตะและคณะอีก 17 นาย ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์การทิ้งระเบิดดังกล่าว สนุกสนานกับทริปนี้เป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินทางกลับบุรีรัมย์โดยสวัสดิภาพ

    

 

 

 

 

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2565

ทีเส็บจัดงาน MICE Day 2022 เปิดตัวแบรนด์อุตสาหกรรมไมซ์ประเทศไทยตลาดต่างประเทศ พร้อมประกาศปีแห่งการจัดประชุม

ทีเส็บจัดงาน MICE Day 2022 เปิดตัวแบรนด์อุตสาหกรรมไมซ์ประเทศไทยตลาดต่างประเทศ พร้อมประกาศปีแห่งการจัดประชุม

             นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือ ทีเส็บ แถลงข่าวให้รายละเอียดเกี่ยวกับความสำคัญและภาพรวมของงาน  MICE DAY 2022 : ไมซ์ไทย ก้าวสู่วันอันยิ่งใหญ่ และโครงการสำคัญประจำปีงบประมาณ 2565 ณ ทรูไอคอน ฮอลล์ ชั้น 7 ศูนย์การค้าไอคอนสยาม เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2565              นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการทีเส็บ กล่าวว่า ทีเส็บ ชูงาน MICE Day 2022 สร้างการรับรู้บทบาทอุตสาหกรรมไมซ์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและการผลักดันไมซ์สู่วาระแห่งชาติ พร้อมเปิดตัวแบรนด์อุตสาหกรรมไมซ์ประเทศไทยสำหรับสื่อสารตลาดต่างประเทศ “THAILAND MICE: Meet the Magic” และประกาศปีแห่งการจัดประชุม “MICE to Meet You in Thailand Year 2023” เดินหน้าชูมิติใหม่อุตสาหกรรมไมซ์ไทย ตอบสนองความต้องการของโลกธุรกิจในยุคดิจิทัล-นิวนอร์มัล ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้วันที่ 26 เมษายนของทุกปี เป็นวันจัดประชุมและนิทรรศการแห่งชาติ (MICE Day) เพื่อส่งเสริมการตระหนักรู้ถึงคุณค่า และความสำคัญของอุตสาหกรรมไมซ์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ นับจากอดีตจนถึงปัจจุบัน 

         ทีเส็บจึงได้จัดงาน MICE Day 2022: ไมซ์ไทย ก้าวสู่วันอันยิ่งใหญ่ โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีเปิด พร้อมกล่าวปาฐกถาแนวนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านอุตสาหกรรมไมซ์ และมอบโล่เชิดชูเกียรติให้แก่ผู้ทรงคุณวุฒิด้านการจัดประชุมนานาชาติ (Convention Ambassador) ได้แก่ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา Hororany Convention Ambassador-Medical และ รองศาสตราจารย์ ดร. ชิต เหล่าวัฒนา ที่ปรึกษาพิเศษด้านพัฒนาการศึกษา บุคลากรและเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) Convention Ambassador-Robotics ซึ่งปีนี้ได้จัดขึ้นเป็นปีแรก เพื่อเป็นแรงสนับสนุนให้กับผู้ทรงคุณวุฒิและผู้เชี่ยวชาญในสาขาวิชาชีพ ร่วมกันพัฒนาอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในประเทศไทย โดยใช้ไมซ์เป็นเวทีขับเคลื่อนอุตสาหกรรม และเพิ่มพูนองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์ในทุกสาขาวิชาชีพ เพื่อพัฒนาศักยภาพการจัดประชุมนานาชาติของประเทศไทย ณ ทรูไอคอน ฮอลล์ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม

         การจัดงานครั้งนี้นอกจากจะเป็นการตอกย้ำความสำคัญของอุตสาหกรรมไมซ์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ ยังมุ่งให้เกิดการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการผลักดันไมซ์ให้เป็นวาระแห่งชาติ เปิดตัวแบรนด์อุตสาหกรรมไมซ์ประเทศไทยสำหรับตลาดต่างประเทศในมิติใหม่ภายใต้แนวคิด “THAILAND MICE: Meet the Magic” พร้อมประกาศปีแห่งการจัดประชุม “MICE to Meet You in Thailand Year 2023” ซึ่งเชื่อมโยงกับแผนการประชาสัมพันธ์แห่งชาติด้านต่างประเทศประจำปี 2565 ตามแนวทางของคณะกรรมการประชาสัมพันธ์แห่งชาติผ่านเรื่องสื่อสารสำคัญด้านต่างประเทศ ภายใต้แนวคิดหลัก New Chapter of Thailand ก้าวใหม่ไทยในช่วงหลังโควิด มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนไทยและชาวต่างประเทศต่อการต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นเจ้าภาพ APEC ในปี พ.ศ. 2565 ของประเทศไทย เพื่อสร้างภาพลักษณ์และฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้ประเทศไทยและอุตสาหกรรมไมซ์“ THAILAND MICE: Meet the Magic” คือ แบรนด์อุตสาหกรรมไมซ์ประเทศไทยสำหรับสื่อสารตลาดต่างประเทศ ที่แสดงถึงบทบาทของประเทศไทยในการเป็นพันธมิตรผู้ร่วมสร้างความประทับใจให้กับการจัดงานไมซ์ อันนำไปสู่บทใหม่ของไมซ์ไทยที่มีมนต์ขลังไม่รู้จบ ที่สามารถตอบสนองกับโลกปัจจุบันในยุคดิจิทัล-นิวนอร์มัล เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวต่อไปอีกครั้ง โดยมุ่งเน้น 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ APEC 2022 & Hub Thailand ศูนย์กลางของนานาประเทศ Tech and Innovation นวัตกรรมไทย ไฮ - เทคโนโลยี Health Care สาธารณสุขไทยในระดับโลก และ Thai Culture Universal Soft Power วัฒนธรรมไทยก้าวไกลสู่สากล โดยจะนำเสนอผ่านแคมเปญโฆษณาประชาสัมพันธ์  ที่เน้นศักยภาพประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางการจัดงานไมซ์ระดับโลก ที่มีเอกลักษณ์ทั้งด้าน Soft Power หรือศักยภาพทางวัฒนธรรม เช่น อาหาร วัฒนธรรม การบริการ ศิลปะ สินค้าไทย ฯลฯ  และ Hard Power หรือศักยภาพของความเจริญด้านเศรษฐกิจ เช่น ระบบโลจิสติกส์ เทคโนโลยี มาตรการสุขอนามัย สถานที่จัดงาน ฯลฯ ซึ่งประเทศไทยนั้นอุดมไปด้วยองค์ประกอบที่แตกต่าง แต่สามารถผสานอยู่ร่วมกันได้อย่างสมดุลและยั่งยืน  นับเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ขับเคลื่อนประเทศไทยให้โดดเด่นในสายตานานาชาติ

             นายจิรุตถ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้อำนวยการทีเส็บ กล่าวต่อไปว่า “ทีเส็บ ยังเดินหน้าเชิงรุกประกาศไมซ์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านแคมเปญ “MICE to Meet You in Thailand Year 2023” ประกาศปีแห่งการจัดประชุมและนิทรรศการในประเทศไทย สอดรับการจัดงานใหญ่ APEC 2022 ปลายปีนี้ เพื่อเป็นกลไกดึงงาน สร้างเงิน กระตุ้นนักเดินทางจากทั้งในและต่างประเทศ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจกระจายรายได้สู่พื้นที่ต่างๆ ให้ได้มากที่สุด เจาะตลาดคุณภาพ โดยเน้นงานที่ตอบโจทย์ BCG Economy Model ของรัฐบาล ผ่าน 3 กลยุทธ์หลัก คือ 

    กลยุทธ์ที่ 1 : สร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน กระตุ้นให้หน่วยงานรัฐดึงงานจากต่างประเทศ และร่วมมือกับเอกชนดึงงานประชุมรูปแบบ Annual Global Conference งานประจำปีของแต่ละบริษัทให้เข้ามาจัดในประเทศไทย

     กลยุทธ์ที่ 2 : สร้างเงินหมุนเวียนกระจายรายได้ทั่วภูมิภาค เสนอเพิ่มการจัดงานไมซ์ในระดับภูมิภาค และกําหนดให้เป็นภารกิจของจังหวัด ยกระดับงานไมซ์ และผลักดันให้หน่วยงานภาครัฐจัดประชุมสัมมนานอกสถานที่ตั้ง

      กลยุทธ์ที่ 3 : ยกระดับและพัฒนาปัจจัยสนับสนุน โดยยกระดับการให้บริการแบบศูนย์บริการเบ็ดเสร็จในทุกมิติ เช่น ให้ข้อมูลเชิงลึกและอํานวยความสะดวกสําหรับการประกอบธุรกิจไมซ์ รวมถึงส่งเสริมการลงทุนให้ผู้ประกอบการไมซ์ปรับปรุงสถานที่ พัฒนาการให้บริการ และบูรณาการการส่งเสริมการตลาดในระดับนานาชาติ โดยดำเนินงาน 4 ด้าน ประกอบด้วย 

     1. ก้าวใหม่ระดับโลก ดึงงานใหญ่เข้าสู่ประเทศ เสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงานเมกะอีเวนต์ระดับโลกร่วมกับกระทรวงและจังหวัด อาทิ เอ็กซ์โป 2028 - ภูเก็ต ประเทศไทย (EXPO 2028 Phuket, Thailand) งานมหกรรมพืชสวนโลกอุดรธานี 2026 และที่นครราชสีมา 2029 การประมูลสิทธิ์งานที่มีศักยภาพสูงโดยเฉพาะงานระดับโลก การเป็นเจ้าภาพจัดงานประชุมประจำปีของสมาคม และโครงการ One Ministry, One Convention การดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐในการประมูลสิทธิ์งานที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของแต่ละหน่วยงานให้เข้ามาจัดในประเทศไทย โดยมีงานเป้าหมาย อาทิ Annual Meetings of the World Bank Group and the International Monetary Fund 2025 ร่วมกับ กระทรวงการคลัง World Water Forum 2027 ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ World Energy Congress 2028 ร่วมกับกระทรวงพลังงาน

      2. ก้าวแกร่งทั่วภูมิภาค ยกระดับงานสู่มาตรฐานสากล ดำเนินงานผ่านโครงการความร่วมมือ อาทิ โครงการงานแสดงสินค้าในประเทศ หรือ Empower Thailand Exhibition (EMTEX) โครงการประชุมส่งเสริมศักยภาพการเติบโตด้านการค้า-การลงทุนแนวระเบียงเศรษฐกิจ สนับสนุนการจัดการไมซ์ตามภูมิภาค และโครงการยกระดับ Flagship Event ขึ้นสู่ Global Ranking เช่น งานแห่เทียนพรรษา อุบลราชธานี งานไหมนานาชาติ ขอนแก่น รวมถึงพัฒนางานภายในท้องถิ่น (Homegrown) ทั่วประเทศ เพื่อสร้างมรดกทางเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

     3. ก้าวข้ามอุปสรรคด้วยศักยภาพไมซ์ไทยทุกมิติ พัฒนาบุคลากรและมาตรฐานการให้บริการ มุ่งพัฒนาบุคลากรไมซ์สร้างคนคุณภาพรองรับอุตสาหกรรมไมซ์ทั้งระดับพื้นที่และระดับนานาชาติ อาทิ การจัดทํามาตรฐาน ISO รับรองคุณวุฒิวิชาชีพไมซ์ใน 5 กลุ่มสาขาวิชาชีพ รวมถึงส่งเสริมการใช้เครื่องมือและแพลตฟอร์มตามแนวทางนิวนอร์มัล และการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี อำนวยความสะดวกอย่างครบวงจรให้กับนักเดินทางไมซ์ เช่น การจัดตั้งศูนย์ประสานงานเพื่ออำนวยความสะดวกอุตสาหกรรมไมซ์ (Thailand MICE One Stop Service) ในรูปแบบดิจิทัลแพลตฟอร์มผ่านช่องทาง www.thaimiceoss.com พร้อมมุ่งเน้นการรณรงค์การบริหารการจัดงานอย่างยั่งยืนให้กับอุตสาหกรรมไมซ์ เพื่อลดปริมาณคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากการจัดงานไมซ์ทั่วประเทศ

     4. ก้าวไกลด้วยแบรนด์ไมซ์ไทยในเวทีโลก มุ่งเน้นการบูรณาการการสื่อสารประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์อุตสาหกรรมไมซ์ทั้งในและต่างประเทศผ่านทุกช่องทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อสังคมออนไลน์ในยุคดิจิทัล-นิวนอร์มัล ส่งเสริมตัวแทนการตลาดทั้ง 7 ประเทศในการเป็นด่านหน้าที่จะสื่อสารข้อมูลไปยังกลุ่มเป้าหมาย ทำกิจกรรมการสื่อสารและการตลาดเชิงรุก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นสู่ความเป็นที่หนึ่งในใจ (Top of Mind) ของนักเดินทางไมซ์ว่าประเทศไทยมีความพร้อมรองรับการจัดงานได้ทันที ตลอดจนการดําเนินงานเชิงรุกผ่านแคมเปญการตลาดและการสื่อสาร เพื่อกระตุ้นและดึงดูดให้นักเดินทางไมซ์ต่างชาติเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายของการทํากิจกรรมไมซ์ 

     นอกจากนี้ ทีเส็บยยังได้ร่วมกับมูลนิธิส่งเสริมการจัดประชุม ร่วมจัดนิทรรศการ “ภูมิไทยเส้นทางทรงคุณค่าของอุตสาหกรรมไมซ์” เพื่อสร้างการรับรู้เรื่องจุดกำเนิดของไมซ์ไทย สร้างแรงบันดาลใจและก่อให้เกิดความภาคภูมิใจของคนในอุตสาหกรรมไมซ์ไทย โดยสามารถเข้าชมนิทรรศการได้ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน ถึง 5 พฤษภาคม 2565 ณ ห้องอเนกประสงค์ ชั้น 1 อาคารหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร 


 

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"      ERGO แบรนด์ประกันภัยชั้นนำจากเยอรมัน...