วันพุธที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2566

พื้นที่ใกล้แหล่งศึกษาใจกลางเมือง 'ต้องปลอดยาเสพติด' สถานที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ควรต้องถูกกำจัดหรือรื้อทิ้งไปหรือไม่

พื้นที่ใกล้แหล่งศึกษาใจกลางเมือง 'ต้องปลอดยาเสพติด'

สถานที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ควรต้องถูกกำจัดหรือรื้อทิ้งไปหรือไม่

        ตำรวจสายสืบจากส่วนกลางร่วมกับตำรวจ 191 ได้เข้าจับกุมแก๊งยาบ้า โดยรวบตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลาง 200,000 เม็ด ที่อาคารจอดรถจามจุรี 9 ชั้น 2B ซ.จุฬาลงกรณ์ 42 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

         จากกรณีที่ตำรวจ 191 ได้รวบตัวนายรติกร หรือเจน (สงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี เอเย่นต์ซุกยาบ้ากลางกรุง พร้อมของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 200,000 เม็ด ยาไอซ์ 83 กรัม รถยนต์ 2 คัน และโทรศัพท์มือถือหนึ่งเครื่อง โดยจับกุมได้บริเวณภายในอาคารจอดรถจามจุรี 9 ชั้น 2B ซ.จุฬาลงกรณ์ 42 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ใจกลางเมืองใกล้สถานศึกษาชั้นนำระดับประเทศอย่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

         นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น., พล.ต.ต.สมบูรณ์ เทียนขาว รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สปพ. สั่งการให้ พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี รองผบก.สปพ. พ.ต.อ.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ ผกก.สายตรวจ, พ.ต.ท.โชติช่วง รัศมี,พ.ต.ท.คงศักดิ์ ศรีโหร, พ.ต.ท.อธิบดี เสริมสุข พ.ต.ท.วสุเทพ ใจอินทร์ รอง ผกก.สายตรวจ , พ.ต.ท.ไพบูลย์ สอโส สว.งานสายตรวจ1  ได้ร่วมกันสืบสวนสอบสวน นายรติกร หรือเจน (สงวนนามสกุล) เอเยนต์ซุกยาบ้ากลางกรุงรายนี้ จนทราบว่า นายรติกรได้รับยาบ้าซึ่งเป็นของกลางในคดีนี้มาจากอำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี จึงได้ขยายผลตรวจค้นศาลเจ้าเลขที่  377/11 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ อันเป็นที่พักของนายรติกร ซึ่งเป็นศาลเจ้าที่กำลังมีข้อพิพาทในการรื้อถอนศาลเจ้ากับทรัพย์สินจุฬาฯ

และได้ทำการตรวจค้นห้องเช่าห้องที่ 101 อาคารเลขที่ 568/17 ซอยกิจพาณิช แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพฯ อีกจุดหนึ่ง พบยาไอส์น้ำหนัก 83 กรัม

       พ.ต.อ.วสันต์ ธวัชชัยวิรุตษ์ ผกก.สายตรวจ กล่าวว่า สืบเนื่องจากชุดสืบสวนทราบว่ามีเครือข่ายจำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่สามย่าน โดยมีนายรติกร เป็นเอเย่นต์ยาบ้า จึงเฝ้าสังเกตการณ์ จนทราบว่ามักจะใชัรถยนต์ไปรับยาเสพติดในพื้นที่อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี แล้วนำมาเก็บซุกซ่อนไว้เพื่อรอกระจายยาเสพติดให้ลูกค้าในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จนกระทั่งชุดสืบสวนได้แกะรอยจนพบว่าผู้ต้องหาจะไปรับยาเสพติด จึงได้ติดตามจนจับกุมผู้ต้องหาได้ที่ลานจอดรถดังกล่าว จึงทำการเข้าตรวจค้น พบยาบ้าจำนวน 200,000 เม็ด นายรติกรให้การรับสารภาพว่าทำมานานกว่า 1 ปี ได้ค่าจ้างรอบละ 10,000 บาท จึงได้แจ้งข้อหา "จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้าและไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน" และทำการสืบสวนสอบสวนขยายผลจนมีเหตุอันสงสัยได้ว่าศาลเจ้าที่มีข้อพิพาทกับทรัพย์สินจุฬาฯ เป็นที่พักยาเพื่อจำหน่าย และตรวจค้นเพิ่มเติมห้องเช่าห้องที่ 101 อาคารเลขที่ 568/17 ซอยกิจพาณิช แขวงมหาพฤฒาราม เขตบางรัก กรุงเทพฯ พบยาไอซ์อีก น้ำหนักรวม 83 กรัม จึงได้นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. เพื่อติดตามผู้ร่วมกระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

           จากเหตุการณ์ดังกล่าว จะเห็นได้ว่าผู้ต้องหาได้ใช้ประโยชน์จากอาคารศาลเจ้าที่เป็นกรณีพิพาทอยู่กับทรัพย์สินจุฬาฯ นอกจากใช้พักอยู่อาศัยแล้วยังใช้เป็นแหล่งกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งนับเป็นภัยที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง เนื่องจากใกล้แหล่งชุมชนและรายล้อมด้วยสถานการศึกษาชั้นนำของประเทศ สมควรหรือไม่ที่จะให้ศาลเจ้าแห่งนี้ยังอยู่ต่อไป

ขอขอบคุณ ข่าวและภาพ จากมติชนออนไลน์


วันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2566

สวพส. ถอดรหัสบ้านแม่วาก จัดการน้ำทำการเกษตรบนพื้นที่สูง

สวพส. ถอดรหัสบ้านแม่วาก จัดการน้ำทำการเกษตรบนพื้นที่สูง


       ตลอดหลายปีที่ผ่านมาการบริหารจัดการระบบน้ำบนพื้นที่สูง เพื่อการเกษตรที่ยั่งยืน ถือว่ามีความท้าทายเป็นอย่างมาก จากสภาพความเป็นอยู่ของเกษตรกรในพื้นที่ส่วนใหญ่มุ่งปลูกพืชเชิงเดี่ยว และอาศัยน้ำในช่วงฤดูฝนทำให้พื้นที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง จนกระทั่งสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (สวพส.) นำโครงการเข้าไปช่วยเหลือและสนับสนุนที่เน้นการทำงานแบบมีส่วนร่วมนับตั้งแต่ปี 2557

       ชุมชนต้นแบบบ้านแม่วาก อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ มีการบริหารจัดการดีเลิศ ที่การันตีด้วยรางวัลเลิศรัฐ ประเภทสัมฤทธิผลประชาชนมีส่วนร่วม (Effective Change) ถือเป็นชุมชนต้นแบบ ซึ่งตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลแม่นาจร อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ มีประชากรทั้งหมด 327 คน 102 ครัวเรือน เกษตรโดยส่วนใหญ่ปลูกพืชเชิงเดี่ยวในช่วงฤดูฝนเป็นหลัก มีพื้นที่ในการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 1,506.54 ไร่ แต่ประสบปัญหาขาดแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรอย่างรุนแรง จนกระทั่ง ปี 2557 สวพส. โดยโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงแม่มะลอ ร่วมกับชุมชนบ้านแม่วาก และองค์การบริหารส่วนตำบลแม่นาจร ได้จัดทำแผนชุมชนเพื่อรับฟังความคิดเห็นของชุมชน ทบทวนปัญหาความต้องการของชุมชน วิเคราะห์ปัญหาและสาเหตุ และกำหนดทิศทางการพัฒนาร่วมกัน พบว่า ชุมชนไม่มีแหล่งต้นน้ำของตนเอง ไม่สามารถปลูกพืชทางเลือกอื่นนอกจากข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จึงต้องการพัฒนาแหล่งน้ำบนพื้นที่ “สันดอยยาว” ในเนื้อที่กว่า 600 ไร่ ซึ่งชุมชนไม่สามารถจัดการและแก้ไขปัญหาได้เพียงลำพัง

         นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง ( สวพส.) กล่าวว่า  ก่อนที่จะเข้าดำเนินการตามความต้องการของชุมชนบ้านแม่วากมีการถอดบนเรียนกระบวนการเรียนรู้ เพื่อวางแผนงานร่วมกับชุมชนในการจัดหาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร วางแผนการพัฒนาเชิงพื้นที่ให้มีความยั่งยืน พร้อมๆ กับการปรับเปลี่ยนพื้นที่จากการปลูกพืชเชิงเดี่ยวมาเป็นปลูกไม้ผลในระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ ที่เน้นการทำงานแบบมีส่วนร่วม การจัดทำแผนชุมชน ร่วมกันวิเคราะห์ปัญหาสำคัญของชุมชนในด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งความต้องการของชุมชนที่แท้จริง ประเมินศักยภาพของชุมชน โอกาส ภัยคุกคาม จุดแข็ง จุดอ่อน และข้อจำกัดต่างๆ

        รวมทั้ง การจัดทำแผนการใช้ประโยชน์ที่ดินรายแปลง ในการสำรวจจัดทำฐานข้อมูลของชุมชน ข้อมูลการใช้ประโยชน์ที่ดินรายแปลงของเกษตรกร จัดทำขอบเขตพื้นที่ป่าไม้และพื้นที่ทำกิน (Zoning)  กระบวนการเก็บข้อมูล การนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในด้านการวางแผนตามความต้องการของชุมชน ได้แก่ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้านอาชีพเศรษฐกิจ ด้านสังคม และด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงขับเคลื่อนการพัฒนาให้เป็นไปตามหลักวิชาการ โดยใช้เครื่องมือ GPS ให้เกษตรกรเดินรอบแปลงที่ทำกินของตัวเอง และบันทึกข้อมูลการใช้ประโยชน์พื้นที่และตรวจเช็คความถูกต้อง แบ่งปันการใช้ข้อมูลร่วมกันในชุมชน เกิดเป็นแผนที่การใช้ประโยชน์ที่ดินรายแปลงของเกษตรกรบ้านแม่วากขึ้น ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้ชุมชนและหน่วยงานเห็นภาพบริบทชุมชนร่วมกัน เกิดการร่วมวิเคราะห์ และวางแผนในการพัฒนาได้ตรงกับปัญหาที่แท้จริง


        ในขณะเดียวกัน สวพส.ร่วมคิดวิเคราะห์ ร่วมจัดทำแผนบูรณาการ กำหนดเป้าหมาย แผนงาน โครงการ กิจกรรมที่เหมาะสมกับพื้นที่ ซึ่งพบว่า ชุมชนให้ความสำคัญในการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร เป็นอันดับที่ 1 ชุมชนจะได้มีน้ำในการผลิตพืชทางเลือกในการทำอาชีพการเกษตรมากขึ้น พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมายร่วมกัน ประกอบด้วย (1) สร้างรายได้รายวัน รายเดือน รายปี (2) ปลูกพืชที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (3) สร้างพื้นที่สีเขียวในแปลงเกษตรและพื้นที่ป่าของชุมชน (4) สร้างป่าสร้างรายได้ (5) ลดปัญหาหมอกควัน 

        โดย สวพส. สนับสนุนเจ้าหน้าที่ประจำพื้นที่ งบประมาณในการดำเนินงาน เครื่องมือแผนที่ต่าง ๆ ที่ใช้ในการวางแผนการพัฒนา และเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานระหว่างชุมชน และหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งการขับเคลื่อนการดำเนินโครงการในพื้นที่ แต่ละภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมในแต่ละระยะของการดำเนินงานตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงปัจจุบัน

         ความสำเร็จของบ้านแม่วาก เกิดขึ้นจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การร่วมดำเนินงานทุกภาคส่วน ผ่านกิจกรรมสำคัญๆ คือ การใช้แผนที่ในการวางแผนการพัฒนาร่วมกัน (one map) ที่ช่วยสร้างความเข้าใจ ร่วมตกลงวางแผนและตัดสินใจ ชุมชนรับทราบข้อมูลที่แท้จริง ทำให้ลดความขัดแย้งเรื่องที่ดินทำกิน การพัฒนาผู้นำด้านทักษะและถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวิชาการด้านการบริหารจัดการพื้นที่ของชุมชน การถอดบทเรียนจากการทำงานที่ผ่านมา ร่วมกับผู้แทนหน่วยงานต่างๆ โดยชุมชนแม่วากได้รับการยกย่องว่าเป็น “หมู่บ้านเรียนรู้เรื่องการบริหารจัดการน้ำ” ให้กับชุมชนรอบข้างเข้ามาเรียนรู้ 

           ปัจจุบันชุมชนบ้านแม่วากมีแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร กว่า 40 บ่อ ปริมาณน้ำทั้งหมด 5,780 ลบ.ม พื้นที่ได้รับประโยชน์ 624.42 ไร่ เกษตรกรผู้ได้รับประโยชน์ 66  รายจำนวน 72 แปลง และมีแผนการพัฒนาเชิงพื้นที่ เกิดรูปแบบการดำเนินงานเป็น “แม่วากโมเดล” เพื่อดำเนินการต่อยอดการพัฒนาเชิงพื้นที่ ทุกวันนี้บ้านแม่วากเกิดการปรับเปลี่ยนพื้นที่จากการปลูกพืชเชิงเดี่ยวกลายเป็นพื้นที่ปลูกพืชผักภายใต้มาตรฐานเกษตรปลอดภัย (GAP) และเกษตรอินทรีย์ การปลูกไม้ผลในระบบอนุรักษ์ดินและน้ำ การปลูกไผ่ผสมผสาน และไม้มีค่ากว่า 58 ชนิด เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวของชุมชนและความสมบูรณ์ของพื้นป่า

   


วันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ททท. ลดกระหน่ำครั้งยิ่งใหญ่ กับ Voucher ท่องเที่ยวราคาพิเศษเพียง 100 บาท ผ่านกิจกรรมส่งเสริมการขาย “Workation Thailand 100 เดียวเที่ยวได้งาน” เริ่มรอบแรกในวันที่ 6 เดือน 6

ททท. ลดกระหน่ำครั้งยิ่งใหญ่ กับ Voucher ท่องเที่ยวราคาพิเศษเพียง 100 บาท

ผ่านกิจกรรมส่งเสริมการขาย “Workation Thailand 100 เดียวเที่ยวได้งาน”

เริ่มรอบแรกในวันที่ 6 เดือน 6 



       การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดเต็มกับแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวในรูปแบบ Workation ที่ส่งเสริมให้คนรุ่นใหม่ ออกเดินทางท่องเที่ยวพร้อมทำงาน เพื่อสร้างประสบการณ์การทำงานในรูปแบบใหม่ ผ่านกิจกรรมส่งเสริมการขาย “Workation Thailand 100 เดียวเที่ยวได้งาน” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมการตลาดและกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศและพักค้างคืนในวันธรรมดา โดยนำเสนอสินค้าและการบริการด้านการท่องเที่ยวในรูปแบบบัตรกำนัล (Voucher) ซึ่งจะเสนอขายในราคาเพียง 100 บาท เท่านั้น



         เริ่มแล้วรอบแรก กับกิจกรรมส่งเสริมการขาย “Workation Thailand 100 เดียวเที่ยวได้งาน” ซึ่งเป็นกิจกรรมที่นำเสนอสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวในราคาเพียง 100 บาท โดยจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าร่วมกิจกรรมรอบแรกได้ในวันที่ 6 มิถุนายน 2566 และสามารถเลือกซื้อ Voucher ได้ในเวลา 10.00 น. - 00.00 น. ผ่านเว็บไซต์ www.tourismthailand.org/workationthailand ซึ่งบัตรกำนัล (Voucher) สินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวที่นำเสนอขายจะประกอบไปด้วย 4 ประเภท โดยมีรายละเอียดดังนี้ ประเภทโรงแรมที่พัก อาทิ แพ็กเกจจาก แรนโช ชาญวีร์ รีสอร์ท แอนด์คันทรีคลับ, ดุสิตธานีกระบี่ บีช รีสอร์ท, ริเวอร์แคว จังเกิ้ลราฟท์, ครอส ริเวอร์แคว รีสอร์ท , โรงแรมดุสิตธานี หัวหิน, วีรันดา ไฮ รีสอร์ท เชียงใหม่ – เอ็มแกลเลอรี่, เมลาตี บีช รีสอร์ท, โรงแรมสยามเคมปินสกี้กรุงเทพ, ศรีพันวา และ ศาลา อยุธยา ประเภทยานพาหนะ อาทิ บัตรโดยสารเครื่องบิน เที่ยวเดียว เส้นทางบินในประเทศ 1 ที่นั่ง จากสายการบินแอร์เอเชีย ประเภทร้านอาหาร อาทิ บัตรรับประทานอาหารจาก บาร์บีคิวพลาซ่า, โอ้กะจู๋, เชฟส์เทเบิล, มิสเตอร์ โดนัท และ อานตี้ แอนส์ ประเภทแพ็กเกจท่องเที่ยวและกิจกรรมท่องเที่ยว อาทิ เล็ทส์ รีแล็กซ์ สปา, โอเอซิสสปา, วานา นาวา วอเตอร์ จังเกิ้ล, สยามอะเมซิ่งพาร์ค, มาดาม ทุสโซ กรุงเทพ และ ซีไลฟ์ แบงคอก เป็นต้น ทั้งนี้ยังมีสถานประกอบการชั้นนำที่เข้าร่วมกิจกรรมอีกมากมาย

 


        สำหรับกิจกรรม “Workation Thailand 100 เดียวเที่ยวได้งาน” นอกจากจัดขึ้นในวันที่ 6 เดือน 6 แล้ว รอบถัดไปจะจัดขึ้นในวันที่ 7 เดือน 7, 8 เดือน 8 และ 9 เดือน 9 ตามลำดับ และนอกจากนี้ ภายใต้แคมเปญยังมีการนำเสนอสิทธิพิเศษและส่วนลดต่างๆ ทั้ง 4 ประเภท จากสถานประกอบการชั้นนำทั่วประเทศ ซึ่งมีส่วนลดสูงสุดถึง 80% สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจกดรับสิทธิพิเศษส่วนลดต่าง ๆ สามารถกดรับได้ที่เว็บไซต์ www.tourismthailand.org/workationthailand และสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแคมเปญได้ที่       Line Official Account: @workationthailand

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"      ERGO แบรนด์ประกันภัยชั้นนำจากเยอรมัน...