วันอังคารที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2565

"ทนายความพัทยาซิตี้" สุดฟิตลงฟาดแข้งร่วมศึกถ้วยพระราชทานฯ ศึก Lawyer's Cup ครั้ง 24

"ทนายความพัทยาซิตี้" สุดฟิต

ลงฟาดแข้งร่วมศึกถ้วยพระราชทานฯ

ศึก Lawyer's Cup ครั้ง 24

          ความเคลื่อนไหวศึกลูกหนังทนายความระดับประเทศ  ศึกฟุตบอล  Lawyer's  Cup ครั้งที่ 24 ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จัดโดยสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13 -15 ม.ค. 2566 ที่สนามกีฬาสถาบันวิทยาลัยพลศึกษาวิทยาเขตชลบุรี จ.ชลบุรี


       นายอนิรุจน์ คงทรัพย์ และที่ปรึกษากฎหมาย คุณกนกอร สวัสดิ์รัมย์ผู้จัดการทีมทนายความพัทยาซิตี้  เปิดเผยว่า ทีมฟุตบอล ทนายความพัทยาซิตี้  หลังทำผลงานคว้ารองแชมป์ศึกฟุตบอลทนายความ "พัทยา ลอว์เยอร์ เอฟเอคัพ ครั้งที่ 1" 


       เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมานั้น ล่าสุดทีมฟุตบอลทนายความพัทยาซิตี้ได้ลงทำการเก็บตัวฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่อง  และสภาพของทีมตอนนี้ นักเตะพร้อมแล้วที่จะลงทำศึกใหญ่แห่งปีของฟุตบอลทนายความ 


       โดยภาพรวมของทีมนั้นมีความฟิตสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็น เหลือเพียงการปรับระบบ และตำเหน่งการเล่นอีกนิดหน่อย ซึ่งทางทีมงานสต๊าฟโค้ชได้ติวเข้มในทุกตำแหน่ง  อีกทั้งนักเตะทุกคนมีความรักใคร่สามัคคีพร้อมที่จะลงทำการแข่งขัน เราจึงมั่นใจว่าจะสามารถทำผลงานออกมาดีในการแข่งขันในครั้งนี้  สำหรับการแข่งขันฟุตบอล Lawyer's Cup ครั้งที่ 24 ที่จะมีขึ้นนี้ ทีมทนายความพัทยาชิตี้ วางเป้าทำผลงานทะลุเข้ารอบลึกๆ โดยนโยบายทีม นักเตะได้ลงสนามทุกคนเพื่อร่วมกิจกรรม





ททท. เซอร์ไพรส์ปีใหม่ 2023 ด้วย Voucher ราคาพิเศษ พร้อมส่วนลดมากมาย กับโครงการ Save Partner New Year Big Surprise

ททท. เซอร์ไพรส์ปีใหม่ 2023 ด้วย Voucher ราคาพิเศษ พร้อมส่วนลดมากมาย กับโครงการ Save Partner New Year Big Surprise

 นับตั้งแต่ประเทศไทยได้ประกาศเปิดประเทศเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการ พร้อมมาตรการผ่อนคลายการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทำให้การท่องเที่ยวภายในประเทศไทยกลับมาคึกคักเป็นอย่างมาก

รวมถึงผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดฯ ในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ สามารถฟื้นตัว และกลับมาสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น

         อย่างไรก็ตาม แม้การเปิดประเทศและแผนการกระตุ้นการท่องเที่ยวจะส่งผลดีกับภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยเป็นอย่างมาก แต่ก็นับว่าช่วงเวลาของการแพร่ระบาดของโควิด-19 นั้น ทำให้ประเทศไทยและผู้ประกอบการเสียโอกาสในการขยายตัวของเศรษฐกิจ 

              ดังนั้น การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงเล็งเห็นถึงความจำเป็นในการกระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยในมิติต่างๆ ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

กิจกรรม Save Partner New Year Big Surprise เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่จะช่วยกระตุ้นการเดินทางของนักท่องเที่ยวภายในประเทศ ด้วยการนำเสนอสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวในราคา สุดพิเศษ พร้อมสิทธิพิเศษ และส่วนลดต่าง ๆ  ผ่าน Voucher ที่จะเปิดจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว     ชาวไทย ซึ่งแบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1) ประเภทโรงแรมที่พัก อาทิ แพ็กเกจที่พัก จากโรงแรมเขาใหญ่ลากูน่า ภูเก็ต, ริเวอร์แคว รีโซเทล, และโรงแรม ยู เชียงใหม่ 2) ประเภทร้านอาหาร อาทิ บัตรรับประทานอาหาร จากครัวเจ๊ง้อ, ครัวคุณกุ้ง, และแบล็คแคนยอน และ 3) ประเภทแพ็กเกจท่องเที่ยว อาทิ บัตรเข้าร่วมกิจกรรม จากสยามอะเมซิ่งพาร์ค ซีไลฟ์ แบงคอก และมาดามทุสโซ กรุงเทพฯ รวมไปถึงแพ็กเกจท่องเที่ยวในเส้นทางต่าง ๆ เช่น เกาะห้อง กระบี่, เกาะล้าน ชลบุรี, และเกาะสมุย สุราษฎร์ธานี


การมอบสิทธิพิเศษ และส่วนลดต่างๆ เหล่านี้ นอกจากจะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์การท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยว และที่พักชั้นนำในราคาประหยัดแล้ว ยังเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว รวมไปถึงสนับสนุนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ให้สามารถสร้างรายได้เพิ่มมากขึ้น และเป็นกิจกรรมที่เปรียบเสมือนของขวัญส่งท้ายปี และต้อนรับปีใหม่ให้กับผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวไปพร้อมกัน

ผู้ที่สนใจซื้อ Voucher ของกิจกรรม Save Partner New Year Big Surprise ในราคาสุดพิเศษ สามารถเข้าไปที่ www.nybigsurprise.com ตั้งแต่ วันที่ 28 – 31 ธันวาคม พ.ศ. 2565 พร้อมชมรายละเอียดของกิจกรรมได้ที่ Facebook Fanpage Sale Here ในวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2565 เวลา 16.00 น.

วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2565

ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ประธานที่ปรึกษามูลนิธิพระราหู นำคณะทำบุญใหญ่ จัดพิธีบวงสรวงพระราหู เสริมสิริมงคล วันคล้ายวันเกิด

ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ประธานที่ปรึกษามูลนิธิพระราหู นำคณะทำบุญใหญ่ 

จัดพิธีบวงสรวงพระราหู เสริมสิริมงคล วันคล้ายวันเกิด

                    ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ประธานที่ปรึกษา บริษัท รักษาความปลอดภัย จีจีไอ.กรุ๊ป จำกัด และ ประธานที่ปรึกษา"มูลนิธิพระราหู"พร้อม ภริยาและ คุณหทัยรัตน์ ผิวพรรณ ที่ปรึกษามูลนิธิพระราหู รวมทั้งคุณฐิติมา อภิธรรมวงศ์ ประธานบริหารบริษัท รักษาความปลอดภัย จีจีไอ.กรุ๊ป จำกัดและครอบครัว จัดพิธีทำบุญถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ พร้อมฉลองพระใหม่ และได้จัดพิธีสักการะหลวงพ่อบ้านแหลม (จำลอง) รวมทั้ง จัดพิธีบวงสรวงองค์พระราหู เพื่อเป็นสิริมงคล เนื่องในโอกาสครบรอบวันคล้ายวันเกิด ปี พ.ศ.2565 โดยมี พระครูวิกรมวุฒิธรรม (ปภงฺกโร) เจ้าอาวาสวัดบ้านบกน้อย เมตมาเป็นประธานพิธีฝ่ายสงฆ์ พร้อมแขกผู้มีเกียรติ คนในครอบครัว กลุ่มเพื่อนสนิท เพื่อนพ้องน้องพี่เดินทางมาร่วมพิธีฯอย่างเนืองแน่น อาทิ พลเอกชนาธิป บุนนาค คณะทำงานรองนายกรัฐมนตรี,นายศรัทธา คชพลายุกต์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.), นายมนตรี บุณยโยธิน รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ,พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช. กมค.และภริยา,ดร.เกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดกาฬสินธุ์,นายสัญญา นิลสุพรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นครสวรรค์ เขต 3 และนายฝันเด่น จรรยาธนากร  กลุ่มอาสาสมัครภาคประชาชน ใจถึงใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน มาร่วมพิธีเพื่อเป็นสิริมงคลครั้งนี้ ณ มูลนิธิพระราหู สถานปฏิบัติธรรมหิรัณย์พัฒน์ ตำบล บัวลอย อำเภอ หนองแค สระบุรี เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2565

                   สำหรับมูลนิธิพระราหู และสถานปฏิบัติธรรมหิรัณย์พัฒน์ แห่งนี้เป็นการริเริ่มมาจากดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ประธานที่ปรึกษามูลนิธิฯซึ่งมีความเลื่อมใสต่อพระพุทธศาสนาและความศรัทธาต่อองค์พระราหู ดังนั้น จึงได้จัดสร้างองค์พระราหู และหลวงพ่อวัดบ้านแหลม(จำลอง) ประดิษฐานไว้ในสถานปฏิบัติธรรมหิรัณย์พัฒน์แห่งนี้ เพื่อให้ศาสนิกชน ประชาชนทั่วไปที่มาปฏิบัติธรรม ได้กราบไหว้สักการะบูชา เพื่อเป็นที่พึ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจต่อไป

                     ที่ผ่านมา "มูลนิธิพระราหู" ได้ร่วมกับนายฝันเด่น จรรยาธนากร กลุ่มอาสาสมัครภาคประชาชน ใจถึงใจ คนไทยไม่ทิ้งกัน ได้ร่วมสนับสนุนกิจกรรมและโครงการต่างๆเกี่ยวกับการกุศล มาตลอด เช่นโครงการมอบทุนการศึกษาให้เด็กเรียนดีแต่ยากจน สร้างบ้านให้ผู้ยากไร้ มอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมทั่วทุกภาค มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา รวมทั้ง รับซื้อข้าวสารจากเกษตรกรเพื่อนำไปช่วยเหลือประขาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ต่างๆ นอกจากนี้ยังได้มอบรถกู้ชีพกู้ภัยให้หน่วยกู้ภัยต่างๆ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในกรณีฉุกเฉินให้ทันท่วงที

วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2565

"เที่ยวนี้...ต้องดีกว่าเก่า" เปิดมุมมอง...เที่ยวมุมใหม่@พิจิตร สธทท. นำนักท่องเที่ยวกว่า 100 ท่าน ร่วมสืบสานงานประเพณี “ลอยกระทงลาวา สายธาราดงกลาง”

"เที่ยวนี้...ต้องดีกว่าเก่า" เปิดมุมมอง...เที่ยวมุมใหม่@พิจิตร

สธทท. นำนักท่องเที่ยวกว่า 100 ท่าน ร่วมสืบสานงานประเพณี 

“ลอยกระทงลาวา สายธาราดงกลาง”




สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) นำโดยนายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ นายกสมาคม สธทท. และนางวรินทร  ทองพูน ประธานที่ปรึกษา/ผู้ก่อตั้ง สธทท. การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครสวรรค์ โดยนายเลิศชาย หวังตระกูลดี ผู้อำนวยการ ททท. นครสวรรค์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพิจิตร โดยนายนฤพล สังเกตุท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพิจิตร ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดพิจิตรและสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จังหวัดพิจิตร และเมืองไทย ครีเอทีฟ แอนด์ ทัวร์ จัดโครงการ "เที่ยวนี้...ต้องดีกว่าเก่า" เปิดมุมมอง...เที่ยวมุมใหม่@พิจิตร คารวานรถตู้กว่า 10 ตู้ นำนักท่องเที่ยวกว่า 100 ท่าน เที่ยวจังหวัดพิจิตรมุมมองใหม่ และร่วมสืบสานงานประเพณี “ลอยกระทงลาวา สายธาราดงกลาง”  เมื่อวันที่ 8-9 พฤศจิกายน 2565





คณะของเราเดินทางกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดพิจืตร โดยมีจุดหมายแรกคือ วัดท้ายน้ำ ต.ท้ายน้ำ อ.โพทะเล แหล่งท่องเที่ยววิถีพุทธชื่อดังมีอายุยาวนานกว่า 100 ปี เมื่อไปถึง สจ.นพดล พึ่งวัฒนะ สมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร และ นายนฤพล สังเกตุ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพิจิตรร่วมให้การต้อนรับคณะฯ วัดนี้เป็นวัดเป็นวัดเก่าแก่อายุ 100 กว่าปี สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2423 เดิมตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของลำคลอง (มีศิลาจารึกที่ขุดพบ ขรัวอินทร์ผู้สร้าง และสรรพบุรุษทั้งหลายช่วยกันสร้าง ชื่อเดิมว่าช่องลม ขอให้ภิญโญยิ่งเทอญ พ.ศ. 2430) เพื่อกราบสักการะ “หลวงพ่อเงิน” เกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียง หรือที่รู้จักกันดีในนาม “หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน” หลวงพ่อเงินเคยจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้ ก่อนที่จะย้ายไปจำพรรษาอยู่ที่วัดบางคลาน เมื่อพวกเราเดินเข้าไปในวัด เราจะเห็นหลวงพ่อเงินองค์ขนาดใหญ่หน้าตักกว้าง 10 ม. ตั้งตระหง่าน ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความศักดิ์สิทธิ์ ที่ด้านข้างเป็นเรือนไทย 2 ชั้น ซึ่งจัดเป็นพิพิธภัณฑ์นครไชยบวร จัดแสดงวัตถุโบราณต่างๆ และรูปหล่อหลวงพ่อเงิน โดยมีเสียงบรรยายถึงประวัติของหลวงพ่อเงิน ส่วนด้านหน้าของวัดมีพระอุโบสถหลังใหญ่ ด้านในมีภาพวาดจิตรกรรมโทนสีซีเปีย และชั้นล่างก็จัดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมของเก่าของโบราณ รวมทั้งพระหลวงพ่อเงินรุ่นเก่าๆ มากมายหลายรุ่น รวมทั้งเครื่องใช้ต่างๆ นับหมื่นชิ้น  บอกเล่าเรื่องราวประวัติของหลวงพ่อเงินได้เป็นอย่างดี แล้วก็ไปสนุกสนานร่วมชมการแข่งเรือ โดยมีที่ทีมพากย์ที่พากย์ได้สนุกเร้าใจ ครื้นเครง ก่อนเดินทางต่อ พระครูพินิจสีลคุณ  เจ้าอาวาสวัดท้ายน้ำ และเจ้าคณะตำบลโพทะเล ได้มอบเหรียญหลวงพ่อเงินให้เพื่อเป็นสิริมงคล เดินทางแคล้วคลาดปลอดภัย







       สักการะหลวงพ่อเงินแล้ว  ก็เดินทางต่อมายังชุมชนเก่าย่านวังกรด ต.วังกรด อ.เมือง เพื่อทานอาหารกลางวัน ที่นี่มีอาหารให้เลือกทานกันตามอัธยาศัย ไม่ว่าจะเป็น ก๋วยเตี๋ยวปิ่นโต ก๋วยเตื๋ยวพริก ข้าวหมูแดงหมูกรอบ ต้มเล้ง หมูสะเต๊ะ ผัดไทย ขนมผัดกาด ขนมจีนน้ำยา น้ำแข็งใส และที่ขาดไม่ได้คือน้ำมะนาวดอง ทานแล้วชุ่มคอ ชื่นใจ หลังทานเสร็จแล้วก็นั่งรถรางชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมเรือนแถวไม้ บ้านเก่าแก่ซึ่งคงไว้ซึ่งเอกลักษณ์เฉพาะ โดยมีนายไตรสิทธิ์ เหรียญดำรงพร นายกเทศมนตรีตำบลวังกรดให้การต้อนรับ พร้อมบอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายให้แก่ผู้มาเยือนได้รับรู้เป็นอย่างดี และพาชมบ้านหลวงประเทืองคดี ซึ่งเป็นอาคาร “ตึก” โบราณหลังแรกในชุมชนตลาดวังกรด ของหลวงประเทืองคดี อดีตข้าราชการกระทรวงยุติธรรมที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของตลาด ปัจจุบันจัดแสดงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์  จากนั้นพานั่งรถรางไปวัดวังกลม เพื่อสักการะ “หลวงพ่อลือ” เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย พุทธลักษณะงดงาม มีพระอริยบทประทับนั่งขัดสมาธิราบ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา พระหัตถ์ขวาวางคว่ำที่พระชานุ หน้าตักกว้าง 2.50 เมตร สูง 5.50 เมตร สร้างด้วยปูนปั้นราวปี พ.ศ. 2461 โดยหลวงพ่อบุญลือ เจ้าอาวาสวัดสามประทุม อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง ซึ่งธุดงค์ผ่านมาพักที่วัดวังกลม เห็นว่าในโบสถ์ยังไม่มีพระประธาน จึงรับอาสาสร้างให้ เนื่องจากเป็นผู้มีฝีมือในการปั้น โดยให้เรียกนามพระประธานว่า “หลวงพ่อลือ” อันหมายถึงชื่อทีลือกระฉ่อนขจรไกล






หลังชมชุมชนเก่าแก่แล้ว คณะของเราก็เดินทางไปเข้าพักผ่อน และเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดไทยเตรียมมาประชันโแมกันในคืนวันเพ็ญเดือนสิบสอง ร่วมงานสืบสานประเพณี “ลอยกระทงลาวา สายธาราดงกลาง” ในค่ำคืนนี้ ณ วัดดงกลาง ต.ดงกลาง อ.เมือง วัดนี้ พระครูวิจารณ์ธรรมโสภิต เจ้าอาวาสฯ เป็นผู้ริเริ่มการตักบาตรทางน้ำ  เพื่อดำรงไว้ซึ่งศาสนาและวัฒนธรรมที่เป็นมนต์เสน่ห์ของวิถีท้องถิ่น (โดยพระสงฆ์จะนั่งสวดมนต์พิธีเพื่อความเป็นความสิริมงคลแก่ญาติโยมที่มาร่วมใส่บาตร และอุทิศส่วนกุศลให้ญาติพี่น้อง เจ้ากรรมนายเวร จากนั้นพระสงฆ์ก็จะไปลงเรือ  เพื่อล่องเรือมารับบิณฑบาตจากญาติโยม กิจกรรมตักบาตรทางเรือจะมีเฉพาะวันอาทิตย์ในช่วงเวลา 07.30 น.)






ตกช่วงเย็นคณะจองเราก็เดินทางไปร่วมงานประเพณี “ลอยกระทงลาวา สายธาราดงกลาง” โดยในครั้งนี้บริษัท เมืองไทย ครีเอทีฟ แอนด์ทัวร์  ได้จัดให้มีการแสดงและการประกวดนางนพมาศในคณะฯ  ได้ร่วมสนุกสนานกัน โดยมีนายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ นายกสมาคม สธทท. และนางวรินทร  ทองพูน ประธานที่ปรึกษา/ผู้ก่อตั้ง สธทท. นางสาวสิริพร ไกรสุวรรณ รองผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานนครสวรรค์ นายนฤพล สังเกตุท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพิจิตร นายพีรพจน์ ศรีสกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดงกลาง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร นางวนิดา นิลพงษ์ นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จังหวัดพิจิตร และประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดพิจิตร นางสาวแสงทิพย์ กันอรุณ อุปนายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จังหวัดพิจิตร และรองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดพิจิตร นายทนงค์ คำเผื่อน นายกเทศมนตรีตำบลท่าฬ่อ อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตรเป็นกรรมการ จากคะแนนเอกฉันท์ คุณขจิตพรรณ จามิกรณ์ ได้รับตำแห่น่งนางนพมาศปีนี้ไปครอง ขวัญใจช่างภาพได้แก่คุณจีราภรณ์ พัฒนสิงห์ และคุณดวงแก้ว พงษ์ไพบูลย์ หลังจบการประกวด คณะฯ ก็ร่วมตักบาตรทางน้ำ ต่อด้วยชมการแสดงมินิไลท์แอนด์ซาวด์และชมการลอยกระทงลาวา สายธาราดงกลางอันสวยงาม






เช้าวันรุ่งขึ้น คณะของเราก็เดินทางไปยังวัดท่าหลวง พระอารามหลวง ต.ในเมือง อ.เมืองพิจิตร เพื่อกราบสักการะขอพร “หลวงพ่อเพชร”  ซึ่งพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะที่งดงาม ปางมารวิชัยสมัยเชียงแสนรุ่นแรก หล่อด้วยโลหะสำริด ปางมารวิชัย ขัดสมาธิเพชร สังฆาฎิสั้นเหนือพระอุระ ขนาดหน้าตักกว้าง 2 ศอก 1 คืบ 6 นิ้ว สูง 3 ศอก 3 นิ้ว ประทับนั่งนบฐานที่มีรูปบัวคว่ำบัวหงายรอบรับ สร้างในระหว่างปีพุทธศักราช 1660 ถึง 1880






   หลังกราบขอพรหลวงพ่อเพชรแล้ว ตณะของเราก็เดินทางต่อไปที่วัดหงษ์ ต.ย่านยาว อ.เมือง  เพื่อกราบสักการะ “หลวงพ่อเหลือ” เมื่อไปถึงพระครูวิวิธบุญกิจ เจ้าอาวาสวัดฯ พร้อมคณะกรรมการวัดก็ได้ให้ความต้อนรับเป็นอย่างดี พร้อมเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับวัดหงษ์และหลวงพ่อเหลือว่า วัดหงส์เดิมชื่อวัดโหง หรือวัดหงสาวาส  สร้างขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2400 ในอดีตวัดแห่งนี้เป็นวัดร้างอยู่ริมแม่น้ำน่าน มีพระประธานในอุโบสถร้างเดิมเรียกว่า “หลวงพ่อโต” ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2440 แม่น้ำน่านกัดเซาะตลิ่ง ชาวบ้านจึงช่วยกันย้ายวัดและพระประธานให้ห่างจากริมฝั่งแม่น้ำน่าน จนมาประดิษฐานอยู่ ณ อุโบสถวัดหงษ์ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2472 มีโบราณวัตถุสำคัญคือ "หลวงพ่อเหลือ" พระประธานในโบสถ์ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ประทับนั่งฐานเขียง พระเพลา มีขนาดกว้าง 96 นิ้ว สูง 133 นิ้ว ทรงยืดพระอุระ ผึ่งผายมีลักษณะงดงาม ทุกๆวันก็จะมีผู้คนมากราบไหว้ บนบานศาลกล่าว ขอให้ลูกให้หลานสอบเข้าเรียนตำรวจ ทหาร พยาบาล ก็ได้สมดั่งใจนึก ขอเงินได้เงิน ของานได้งาน ขอมีลูกชายหญิงได้สมดั่งใจ ขอให้ค้าขายก็เจริญรุ่งเรือง เมื่อได้สมดั่งใจนึกที่บนบานศาลกล่าวแล้ว ก็ต้องนำลิเกมาเล่นแก้บน ส่วนงานสมโภชแก้บนหลวงพ่อเหลือวัดหงษ์จะจัดขึ้นในช่วงงานเพ็ญเดือน 4 (ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4) ของทุกปี ทำให้ทุกๆ ปี จะมีศิษยานุศิษย์นับหมื่นพร้อมใจมาแก้บนในงานดังกล่าว นอกจากนี้ภายในพระอุโบสถยังมีพระพุทธรูปทรงเครื่องหล่อด้วยทองเหลือง ศิลปะเก่าโบราณ มีจุดเด่นที่ลายดอกพิกุล จากนั้นก็เดินทางไปกราบไหว้ต้นตะเคียนยักษ์อายุกว่า 400 ปี ขนาด 12 คนโอบ ที่ชาวบ้านเคารพนับถือกราบไหว้ชื่อ “แม่โหงหรือแม่นาง” เพราะเชื่อกันว่ามีนางไม้สิงสถิตอยู่ อีกทั้งเจ้าแม่โหงยังให้โชคลาภแก่ชาวบ้านที่มากราบไหว้บูชาบ่อยครั้ง สำหรับต้นตะเคียนยักษ์นี้กระทรวงวัฒนธรรมได้ประกาศเป็น “รุกขมรดกของแผ่นดิน” หรือต้นไม้สำคัญของแผ่นดิน เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2560






ขอพรหลวงพ่อเหลือ ชมความใหญ่โตมโหฬารของรุกขมรดกของแผ่นดินแล้ว ก็เดินทางไปยังวัดท่าฬ่อ โดยมีนายทนงค์ คำเผื่อน นายกเทศบาลตำบลท่าฬ่อ นำชาวบ้านของชุมชนท่าฬ่อมารำต้อนรับ และชาวคณะได้ร่วมรำวงกับชาวบ้านชุมชนท่าฬ่อ จากนั้นนำไปยังวัดท่าฬ่อ โดยมีพระครูพิจิตรวรเวช เจ้าอาวาสวัดท่าฬ่อ ได้มาพูดคุยบอกเล่าถึงประวัติคร่าวๆ ว่าสร้างขึ้นประมาณ พ.ศ. 2410  รวมทั้งพูดถึงสิ่งที่น่าสนใจต่างๆ  ภายในวัดที่ต้องไปชม จากนั้นวิทยากรชาวชุมชนท่าฬ่อมาบรรยายให้ฟัง แล้วก็พาไปกราบไหว้ “หลวงพ่อหิน” ที่ประดิษฐานอยู่ในวิหาร ซึ่งผู้คนเคารพเลื่อมใสศรัทธา เพราะมีผู้คนมาบนบานหลวงพ่อหิน ก็มักประสบแต่ผลสำเร็จ วันที่พวกเราไปสักการะหลวงพ่อหิน ยังมีชาวบ้านนำของมาถวายแก้บนกันหลายราย ตามด้วยการกราบสักการะ "พระเจ้าเข้านิพพาน" พระพุทธรูปเก่าแก่ปางนิพพาน (พระเจ้าเข้านิพพานมีเพียง 2 แห่งเท่านั้นในประเทศไทย คือที่วัดแห่งนี้ซึ่งถือว่าสมบูรณ์ที่สุด กับที่วิหารแกลบ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.พิษณุโลก) ที่อยู่ในกุฏิเจ้าอาวาส  ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายที่เวลาเข้าไปชมหรือกราบสักการะ จะเห็นบุญบารมีของพระเจ้าเข้านิพพานไม่ถนัดเพราะท่านวางติดกับกำแพง จึงอยากแนะนำให้ท่านเจ้าอาวาสนำมาไว้บนพื้นสูงตรงกลางกุฎิ เพื่อประชาชนจะได้ชมบุญบารมีได้รอบด้าน แล้วก็พาไปชมจิตรกรรมฝาผนังที่วิจิตรสวยงามที่วาดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2453 และยังคงสภาพที่สมบูรณ์ ที่วิหารหลวงตากลิม





จากนั้นก็เดินทางไปที่ศาลเจ้าแม่ทับทิมท่าฬ่อ ต.ท่าฬ่อ อ.เมือง เพื่อกราบไหว้ขอพร “เจ้าแม่ทับทิม” (ตุ้ยบ่วยเต่งเหนี่ยง) ซึ่งถือว่าเป็นเจ้าแม่ทับทิมองค์แรกที่ชาวจีนไหหนำนำมายังประเทศไทย โดยมีนายทนงค์ คำเผื่อน นายกเทศบาลตำบลท่าฬ่อ นายภูริก เรืองประวัติกุล (โกเต้ง) ประธานศาลเจ้าและตณะกรรมการให้การต้อนรับ เจ้าแม่ทับทิมองค์นี้ถูกอัญเชิญมาพร้อมกับเจ้าพ่อกวนอู มาจากเกาะไหหลำ มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ในราว พ.ศ. 2410 หรือประมาณ 156 ปีที่ผ่านมา ความศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าแม่ทับทิมท่าฬ่อเป็นที่เลื่องลือ ประชาชนทั่วไปจึงมีความเลื่อมใสศรัทธา นอกจากนี้ภายในศาลยังมีถาวรวัตถุอันล้ำค่าอีก เช่น เกี้ยวที่ใช้เป็นที่ประทับขององค์เจ้าแม่ ซึ่งได้นำมาจากประเทศจีน และยังมีโรงเรียนยกเอ็ง ที่ในอดีตเคยเป็นโรงเรียนสอนภาษาจีนให้แก่คนไทย และสอนภาษาไทยให้แก่คนจีน  ซึ่งปัจจุบันนี้ได้จำลองห้องเรียนในอดีต และจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ ให้แก่นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเยี่ยมชมฟังเรื่องราวความเป็นมาของศาลฯ  จากนั้นร่วมรับประทานอาหารกลางวันของชาวชุมชน พร้อมทั้งสรุปกิจกรรมท่องเที่ยว "เปิดมุมมอง เที่ยวมุมใหม่" จังหวัดพิจิตรในครั้งนี้ โดยมีนางสาวสิริพร ไกรสุวรรณ รองผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครสวรรค์ นายนฤพล สังเกตุ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพิจิตร และนายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) และบริษัท เมืองไทย ครีเอทีฟ แอนด์ ท้วร์ ร่วมกันสรุป



ปิดท้ายทริปนี้ที่พิพิธภัณฑ์ไทดำ บ้านไผ่รอบ ชมการแสดงรำต้อนรับ ฟังบรรยายประวัติความเป็นมาของชาวไทดำในประเทศไทย ร่วมพิธีแปลงขวัญต้อนรับผู้มาเยือน จบทริปกิจกรรมท่องเที่ยว "เปิดมุมมอง เที่ยวมุมใหม่" จังหวัดพิจิตร อย่างมีความสุข สนุกสนาน

กิจกรรมท่องเที่ยว "เปิดมุมมอง เที่ยวมุมใหม่" จังหวัดพิจิตร สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีต้องขอขอบคุณผู้มีส่วนร่วมทั้งหมก ดังนี้

สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) 

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครสวรรค์

ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพิจิตร

บริษัท เมืองไทยครีเอทีฟ แอนด์ ทัวร์

นายอาทิตย์ นุตรินทร์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลท้ายน้ำ อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร

นายไตรสิทธิ์ เหรียญดำรงพร นายกเทศมนตรีตำบลวังกรด อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร

นายพีรพจน์ ศรีสกุล นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดงกลาง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร

นายทนงค์ คำเผื่อน นายกเทศมนตรีตำบลท่าฬ่อ อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร







นางวนิดา นิลพงษ์ นายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จังหวัดพิจิตร และประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดพิจิตร

นางสาวแสงทิพย์ กันอรุณ อุปนายกสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือ จังหวัดพิจิตร และรองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดพิจิตร

ดร.จิดาภา นารายณ์ทอง ประธานอุปถัมภ์มูลนิธิไทยทรงดำประเทศไทย

สำนักงานดำรวจแห่งชาติ

พล.ต.ท.อัครเดช พิมลศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 และเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่อำนวยความสะดวกในด้านจราจรระหว้่างการเดินทาง

#สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) 

#การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานนครสวรรค์

#ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพิจิตร

#บริษัท เมืองไทยครีเอทีฟ แอนด์ ทัวร์

นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวจังหวัดนครสวรรค์และพิจิตรได้ที่ ททท. สำนักงานนครสวรรค์ โทร. 056-221-811-2 โทรสาร 056-221-810 Email...www.tourismnakhonsawan.org Nakhonsawan.Phichit @tatsawanphichit    tatsawanpichit TATsawanpichit


"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"

"ERGO ยกระดับการดูแล ส่งต่อความห่วงใย เปลี่ยนการเดินทางให้ง่ายขึ้นตลอดช่วง 7 วันอันตราย"      ERGO แบรนด์ประกันภัยชั้นนำจากเยอรมัน...