วันพฤหัสบดีที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2566

สทท.จัดการเลือกตั้งประธาน สทท. และคณะกรรมการชุดใหม่ โกจง-ชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ได่รับคะแนนเป็นเอกฉันท์ รับตำแหน่งประธาน สทท. สมัยที่ 2 เน้น 4 กลยุทธ เติมทุน เติมความรู้ เติมลูกค้า เติมนวัตกรรม

สทท.จัดการเลือกตั้งประธาน สทท. และคณะกรรมการชุดใหม่ 

โกจง-ชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ได่รับคะแนนเป็นเอกฉันท์ รับตำแหน่งประธาน สทท. สมัยที่ 2

เน้น 4 กลยุทธ เติมทุน เติมความรู้ เติมลูกค้า เติมนวัตกรรม

เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2565 ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมรามาการ์เด้นส์ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) นำโดย นายชำนาญ (โกจง) ศรีสวัสดิ์  ประธาน สทท. จัดให้มีการเลือกตั้งประธาน สทท. และคณะกรรมการชุดใหม่ หลังคณะกรรมการชุดเก่าหมดวาระลง


การเลือกตั้งในครั้งนี้มีสมาชิกทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจัดหวัด จำนวน 183 สมาคมเข้าร่วม แต่ผู้มีสิทธิ์ในการออกเสียงลงครั้งแนนเพียง 165 เสียง โดยมี นางสมฤดี จิตรจง​ รองผู้ว่าการด้านบริหาร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานในการเลือกตั้ง และมีกรรมการอีก 2 ท่าน คือ นายมงคล วิมลรัตน์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายบัญญัติ กาฬสุวรรณ  ผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคล การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)


 

สำหรับการเลือกตั้งในครั้งนี้มีผู้ลงสมัครเป็นประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและคณะกรรมการเพียง 2 ทีมเท่านั้น คือ “โกจง-ชำนาญ ศรีสวัสดิ์” อดีตประธาน สทท. ที่เสนอตัวลงแข่งขันต่ออีกสมัย ในนามทีมโกจง ตัวจริงท่องเที่ยวไทย  และคู่ท้าชิงรายใหม่ “ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม” ประธานที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต และผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและพัฒนาธุรกิจ กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ ภูเก็ต หนึ่งในผู้มีส่วนสำคัญในการผลักดัน “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ในนามทีม Expert Team ภูมิกิตติ์ (โก้) รักแต่งาน โดยส่งรายชื่อกรรมการ 13 เขตของทีมโกจง ตัวจริงท่องเที่ยวไทย  ได้แก่ เขตที่ 1 นายพัลลภ แซ่จิว เขตที่ 2 นายมนิตย์ สีฆสัมบันน์ เขตที่ 3 นายณรงค์ฤทธิ์ พัสดร เขตที่ 4 นายทรงสิทธิ์ พจน์ชนะชัย เขตที่ 5 ดร.วัชรี ปรัชญานุสรณ์ เขตที่ 6 นางฉลอม ส่งล่า เขตที่ 7 นางวาสนา ศรีกาญจนา เขตที่ 8 นายเอกสิทธิ์ งามพิเชษฐ์ เขตที่ 9 นายอนุชา เทียนชัย เขตที่ 10 นางกรรณิการ์ เอี้ยวตระกูล เขตที่ 11 นางวิรินทร์ตรา ปกากิตยศพัฒ เขตที่ 12 นายสามารถ เจริญฤทธิ์ และเขตที่ 13 นายกิตธนาสุบรรพวงศ์


ส่วน13 เขตของทีม Expert Team ภูมิกิตติ์ (โก้) รักแต่งาน  ได้แก่ เขตที่ 1 คุณกมลพรรณ ตานุ เขตที่ 2 คุณกิติพงษ์ วิรุฬห์ศรี เขตที่ 3 คุณภพพล เกษมสันต์ ณ อยุธยา เขตที่ 4 ดร.กัลยาณี ธรรมอารีย์ เขตที่ 5 ดร.วัชรี ปรัชญานุสรณ์ เขตที่ 6 คุณธนกฤต กิตติธรรมกูล เขตที่ 7 คุณสายันต์ สิทธิโชคธรรม เขตที่ 8 คุณปุณณวิทย์ พงศกร เขตที่ 9 คุณวิชิต สุกระสูยานนท์ เขตที่ 10 คุณรัชชพร พูลสวัสดิ์  เขตที่ 11 คุณภูมกิตติ์ รักแต่งาน เขตที่ 12 คุณศิริกมล แก้วแสงอ่อน และเขตที่ 13 คุณกรรณิการ์ดำรงวงศ์


ส่วนรายชื่อ  13 สาขาอาชีพของทีมโกจง ตัวจริงท่องเที่ยวไทย  ได้แก่ 1. สาขาวิชาชีพมัคคุเทศก์ นายอดิศร สุมาลี  2. สาชาที่พักแรมสำหรับนักท่องเที่ยว นายชาติชาย โฆษะวิสุทธิ  3. สาขารับขนส่งนักท่องเที่ยวทางบก  ดร.วสุเชษฐ์ โสภณเสถียร  4. สาขารับขนส่งนักท่องเที่ยวทางน้ำ นาวาโทปริญญา รักวาทิน 5. สาขารับขนส่งนักท่องเที่ยวทางอากาศ นายสิทธิชน พินิจฤทธิกร  6. สาขาธุรกิจนำเที่ยวเข้ามาในประเทศ นายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร 7. สาขาธุรกิจนำเที่ยวไปต่างประเทศ นายเจริญ วังอนานนท์  8. สาขาธุรกิจนำเที่ยวภายในประเทศ นายกรณรงค์ ทองหนู   9. สาขาส่งเสริมการประชุม จัดนิทรรศการ และการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล นายทาลูน เท็ง  10. สาขาผู้ประกอบธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่มสำหรับนักท่องเที่ยว นางพรทิพย์ ปัญญาสกุลวงศ์ 11. สาขานันทนาการ  นายแพทย์เอกลาภ ทองบริสุทธิ์ 12. สาขาธุรกิจจำหน่ายสินค้าสำหรับนักท่องเที่ยว นายธเนศ วรศรัณย์ 13. สาขาส่งเสริมสัมพันธ์การท่องเที่ยวในประเทศหรือระหว่างประเทศ ว่าที่ร้อยตรี เอนก นุรักษ์



และ13 สาขาอาชีพของทีม Expert Team ภูมิกิตติ์ (โก้) รักแต่งาน  ได้แก่  1. สาขาวิชาชีพมัคคุเทศก์ คุณเพียร หยดย้อย  2. สาชาที่พักแรมสำหรับนักท่องเที่ยว คุณมาริสา สุโกศล   8. สาขาธุรกิจนำเที่ยวภายในประเทศ คุณชัยพฤกษ์ ทองคำ 9. สาขาส่งเสริมการประชุม จัดนิทรรศการ และการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล คุณสุเมธ สุทัศน์  ณ อยุธยา 10. สาขาผู้ประกอบธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่มสำหรับนักท่องเที่ยว คุณชวนัสถ์ สินธุเขียว 11. สาขานันทนาการ  คุณกรด โรจนเสถียร 12. สาขาธุรกิจจำหน่ายสินค้าสำหรับนักท่องเที่ยว นายธเนศ วรศรัณย์ 13. สาขาส่งเสริมสัมพันธ์การท่องเที่ยวในประเทศหรือระหว่างประเทศ คุณเบญจ มอนโกเมอรี่ส่วนอีก 6 สาขา ได้แก่ 3. สาขารับขนส่งนักท่องเที่ยวทางบก  4. สาขารับขนส่งนักท่องเที่ยวทางน้ำ 5. สาขารับขนส่งนักท่องเที่ยวทางอากาศ  6. สาขาธุรกิจนำเที่ยวเข้ามาในประเทศ 7. สาขาธุรกิจนำเที่ยวไปต่างประเทศ และ 12. สาขาธุรกิจจำหน่ายสินค้าสำหรับนักท่องเที่ยว  ผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นคนเดียวกันกับทีมโกจง ตัวจริงท่องเที่ยวไทย



  ก่อนการเลือกตั้งได่มีการหารือกันถึงวิธีการในการเลือกตั้ง โดยมีสมาชิกเสนอให้เลือกเป็นตัวบุคคล (แบบเดิม) กับเลือกเป็นทีม โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งได้ให้สมาชิกที่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนโหวต ผลปรากฎว่า เลือกแบบเดิมได้คะแนน 49  เลือกเป็นทีมได้คะแนน 102 ไม่ออกเสียง 3 สิทธิ์ การเลือกตั้งในครั้งนี้จึงเป็นการเลือกตั้งแบบทีม โดยทีม Expert Team ภูมิกิตติ์ (โก้) รักแต่งาน ได้เป็นทีมที่ 1 ทีมโกจง ตัวจริงท่องเที่ยวไทย ได้เป็นทีมที่ 2  ก่อนการเลือกตั้งทั้ง 2 ทีมก็ได้มีการแสดงวิสัยทัศน์ ไดยทีม Expert Team ภูมิกิตติ์ (โก้) รักแต่งาน ส่งคุณภูมิกิตติ์ (โก้) รักแต่งาน ส่วนทีมโกจง ตัวจริงท่องเที่ยวไทย ส่งนายชำนาญ (โกจง) ศรีสวัสดิ์ มาแสดงวิสัยทัศน์



หลังแสดงวิสัยทัศน์เสร็จแล้วก็เป็นการเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นการเลือกตั้งมีสีสันมากที่สุดก็ว่าได้ ท่ามกลางแรงเชียร์อย่างดุเดือดในทั้ง 2 ฝั่งของผู้สมัคร 2 ทีม การเลือกตั้งในครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งแบบคะแนนลับ โดยเป็นการเลือกตั้งกรรมการ 13 เขตก่อน โดยทางทีมงานจะขานชื่อผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทีละ 3 ท่าน เพื่อรับใบลงคะแนนเสียงไปลงคะแนนให้ทีมที่ตนเองจะเลือก  ซึ่งผลคะแนนออกมาแล้ว ทีมที่ 1 ทีม Expert Team ภูมิกิตติ์ (โก้) รักแต่งาน ได้ 68 คะแนน ส่วนทีมที่ 2  ทีมโกจง ตัวจริงท่องเที่ยวไทย ได้ 96 คะแนน ไม่ออกเสียง 1 ท่าน ผลการเลือกตั้งกรรมการ 13 เขต ทีมโกจง ตัวจริงท่องเที่ยวไทยจึงเป็นฝ่ายชนะ จากนั้นก็เป็นการออกเสียงลงคะแนนเลือก 13 สาขาอาชีพ ซึ่งผลคะแนนออกมาแล้ว ทีมที่ 1 ทีม Expert Team ภูมิกิตติ์ (โก้) รักแต่งาน ได้ 67 คะแนน ส่วนทีมที่ 2  ทีมโกจง ตัวจริงท่องเที่ยวไทย ได้ 97 ตะแนน ไม่ออกเสียง 1 ท่าน ผลการเลือกตั้ง13 สาขาอาชีพ ทีมโกจง ตัวจริงท่องเที่ยวไทยก็เป็นฝ่ายชนะอีก จากนั้นผู้ที่ได้รับการเลือกตั้ง 26 คนก็ได้เข้าร่วมประชุมคัดสรรประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และคณะกรรมการชุดใหม่ โดยมติที่ประชุมก็ได้เลือกนายชำนาญ (โกจง) ศรีสวัสดิ์ เป็นประธาน สทท. สมัยที่ 2



เมื่อได้รับการสนับสนุนให้ดำรงตำแหน่งประธาน สทท. สมัยที่ 2 นายชำนาญ (โกจง) ศรีสวัสดิ์ กล่าวว่า ก่อนอื่นก็ต้องขอขอบคุณสมาชิก สทท. ทั้ง 183 สมาคมที่ได้ให้ความไว้วางใจผมให้ดำรงตำแหน่งประธาน สทท. สมัยที่ 2  การเลือกตั้งในครั้งนี้ผมใช้แคมเปญหาเสียงว่า “โกจง ตัวจริงท่องเที่ยวไทย” เพราะผมไม่เพียงแต่อยู่ในธุรกิจด้านการท่องเที่ยวมาตลอดชีวิตเท่านั้น  แต่ยังทำงานในสมาคมด้านการท่องเที่ยวต่างๆต่อเนื่อง  ก่อนมานั่งเก้าอี้ประสานสทท.เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาด้วยซ้ำ การตัดสินใจลงชิงตำแหน่งนี้ต่ออีกสมัย ต้องการขับเคลื่อนการทำงานให้มีความต่อเนื่อง และจากประสบการณ์ที่ผ่านมา รวมถึงการเดินสายพบผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั่วประเทศ ทำให้รู้ว่าสทท.ต้องมีกลยุทธอย่างไรในการขับเคลื่อน เพื่อฟื้นทางรอดท่องเที่ยวไทย



หัวใจหลักของการท่องเที่ยวหลังโควิด คือ “พลิกฟื้นการท่องเที่ยวไทย ต้องพลิกฟื้นซัพพลาย ไซด์ ให้เกิดขึ้นให้ได้” ไม่งั้นการท่องเที่ยวไม่มีวันฟื้น ซึ่งการทำงานของสทท.ผมจึงไม่ได้มองแค่บริษัทใหญ่ แต่มองในภาพรวมด้านการท่องเที่ยว ที่ต้องผลักดันให้รายเล็กอยู่รอดได้  นโยบายของผมจึงเน้น 4 กลยุทธ ได้แก่



1.เติมทุน ซึ่งที่ผ่านมาเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่จะเข้าแหล่งเงินจากสถาบันการเงินและโครงการต่างๆของภาครัฐ การผลักดันให้รัฐบาลจัดตั้งกองทุนท่องเที่ยว  ก็เป็นสิ่งที่ผมจะผลักดันต่อ

2.เติมความรู้ เน้นเรื่องการรีสกิล-อัพสกิล เพราะคนการทำงานหลังโควิดไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

3.เติมลูกค้า ซึ่งวันนี้ไทยมีนักท่องเที่ยวกลับมาแค่ 10 ล้านคน จาก 40 ล้านคน ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจ ซึ่งเป็นซัพพลาย ไซด์ในธุรกิจท่องเที่ยว  กว่า 75% ยังย่ำแย่อยู่จึงต้องผลักดันการเพิ่มขึ้นของตลาดต่างชาติและการเดินทางเที่ยวในประเทศต่อเนื่อง 

4.เติมนวัตกรรมเน้นการใช้เทคโนโลยีมาสร้างโอกาสในการขายให้แก่ผู้ประกอบการ



            ขณะเดียวกันผมยังมองเรื่อง “การพัฒนาท่องเที่ยวสู่ความยั่งยืนในทุกมิติ” คนตัวเล็กตัวใหญ่ต้องได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวทั้งเมืองหลักและเมืองรอง ซึ่งจะต้องคิดใหม่ทำใหม่ด้วยการ Re-design สินค้าที่ตอบโจทย์ยุคอนาคต เช่น บางพื้นที่อาจไม่มีจุดขายด้านการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง การสร้างแหล่งท่องเที่ยวMan-Made จึงต้องมี



“ต้องสร้างให้การท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติ” เนื่องจากการท่องเที่ยวเกี่ยวข้องกับทุกกระทรวง และสร้างจีดีพีให้ประเทศได้ถึง 20% หากมีนายกรัฐมนตรีนั่งหัวโต๊ะเคาะโต๊ะ ก็จะทำให้การแก้ปัญหาหรือการขับเคลื่อนด้านการท่องเที่ยวเป็นกลไกที่กระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีมากกว่าที่เป็นอยู่



      สทท. เราจะเดินหน้าต่อไปอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโครงการที่ร่วมกับ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) และเราก็อยากจะเห็นการฟื้นท่องเที่ยวไทย เราก็ต้องฟื้น Supply Side ก่อน ส่วนเรื่องที่ด่วนตอนนี้ก็คือ เราเองต้องเดินหน้าในปี 2566 นี้ สู้เป้าหมายส฿ 20-30 ล้านคนให้ได้



               สุดท้ายนี้ ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ 2566 นี้ ผมก็ขออวยพรให้เพื่อนพ้องและน้องพี่คนท่องเที่ยวทั่วประเทศ จงกลับมา Restart อย่างมั่นใจ วันนี้ท่องเที่ยวเรายิ้มได้แล้ว ขอใหเท่านประสบความโชคดี มีชัยในการ Restart ธุรกิจครับ


มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบของขวัญวันเด็ก 1.8 แสนชิ้น แด่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อมอบให้กับเด็กและเยาวชน เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2566

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง มอบของขวัญวันเด็ก 1.8 แสนชิ้น แด่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี 

เพื่อมอบให้กับเด็กและเยาวชน เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2566


            นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งร้อมด้วยคณะกรรมการ และผู้บริหารมูลนิธิฯ เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อมอบของขวัญวันเด็ก ประกอบด้วย สมุด ดินสอ ดินสอสี และไม้บรรทัด จำนวน 180,000 ชิ้น นำไปแจกจ่ายแก่เด็กและเยาวชน เพื่อเป็นขวัญ และกำลังใจ เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2566 ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันพุธที่ 4 มกราคม 2566


              โดยในวันจันทร์ที่ 9 มกราคม 2566 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง กำหนดมอบชุดของขวัญวันเด็กให้กับนักเรียนในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย โดยมีผู้แทนโรงเรียนเป็นผู้รับมอบ  รวมทั้งจัดให้มีการส่งชุดของขวัญวันเด็กของมูลนิธิฯ เพื่อมอบให้กับเยาวชนในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ


               โครงการมอบของขวัญวันเด็ก เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ดำเนินการเป็นประจำต่อเนื่องมาเป็นเวลา 64 ปี  เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและร่วมส่งเสริมให้เด็กไทย “รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่ความดี” ให้เด็กและเยาวชนเติบโตเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติไทยในอนาคต โดยในปี 2566 นี้ มูลนิธิฯ ได้มอบของขวัญวันเด็ก ให้แก่เด็กนักเรียน เยาวชนในโรงเรียน และหน่วยงานต่างๆ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวมจำนวน  2,700,000 ชิ้น คิดเป็นมูลค่ากว่า 12 ล้านบาท


ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

##มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##

#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418

#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2566

ผบช.ภ.6 และ ปธ.ชมรมแม่บ้านตำรวจ ภ.6 เป็นประธานพิธีบรรพชาอุปสมบทถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ

ผบช.ภ.6 และ ปธ.ชมรมแม่บ้านตำรวจ ภ.6 เป็นประธานพิธีบรรพชาอุปสมบทถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ 





          พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ภ.6 และ นางภคมน พิมลศรี ประธานชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 6 เป็นประธานในพิธีปลงผมนาค/พิธีไหว้พระพุทธชินราช/พิธีพระสงฆ์แสดงพระธรรมเทศนาสอนนาค เนื่องในพิธีบรรพชาอุปสมบทถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ระหว่างวันที่ 2-12 ม.ค. 66 จำนวน 99 รูป





โดยมี พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบช. ภ.6,พล.ต.ต.สุรชาติ จึงดำรงกิจ รอง ผบช.ภ.6, พล.ต.ต.ระวีพรรษ อมรมุนีพงศ์ รอง ผบช.ภ.6,พล.ต.ต.เสถียร บุญค้ำ รอง ผบช.ภ.6, พล.ต.ต. วรวัฒน์ มะลิ รอง ผบช.ภ.6,ชมรมแม่บ้านตำรวจภูธรภาค 6,ผบก. – รอง ผบก.ในสังกัด ภ.6,และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมพิธีฯ ณ วิหารวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร และ ศาลาเทพโลกอุดร วัดอรัญญิก อ.เมือง จว.พิษณุโลก เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2566 เวลา 13.00 น - 16.00 น.










"บิ๊กน้อย" รวมใจ รวมพล รวมแผ่นดินจัดประชุมสามัญพรรครวมแผ่นดิน ชู 10 นโยบาย เศรษฐกิจปากท้อง ปรองดองทั้งแผ่นดิน ดีเดย์ 8 มกราคมนี้ @เชียงใหม่ ยืนยันกล้าคิดใหม่ทำใหม่ ทำได้จริง ทำทันที

"บิ๊กน้อย" รวมใจ รวมพล รวมแผ่นดินจัดประชุมสามัญพรรครวมแผ่นดิน 

ชู 10 นโยบาย เศรษฐกิจปากท้อง ปรองดองทั้งแผ่นดิน ดีเดย์ 8 มกราคมนี้ @เชียงใหม่ 

ยืนยันกล้าคิดใหม่ทำใหม่ ทำได้จริง ทำทันที


             พลเอก วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา หัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน เปิดเผยว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2565 เป็นต้นมาที่พรรครวมแผ่นดิน ได้ก่อตั้งขึ้นจากแนวคิดพรรคการเมืองที่รวบรวมผู้ที่มีความรู้ความสามารถมากไปด้วยประสบการณ์ทั่วประเทศ ช่วงอายุอาชีพ ทุกเพศทุกวัย แม้ที่มาจะแตกต่างกัน แต่ก็มีอุดมการณ์ไปในทิศทางเดียวกัน คือ มุ่งลดความขัดแย้งทางการเมือง ปรองดอง และพร้อมจะประสานทุกฝ่าย เพื่อรวบรวมสรรพกำลังความรู้ ความสามารถเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของชาติ พร้อมหารายได้เข้าประเทศ ส่งเสริมการท่องเที่ยว พัฒนาการศึกษา พัฒนาคุณภาพชีวิตส่งเสริมสิทธิเด็กและยกระดับบทบาทของสตรี สนับสนุนความเท่าเทียม ความหลากหลายของทุกกลุ่ม รวมถึงส่งเสริมการส่งออกนำมาตรฐานเกษตรกรของไทยสู่อุตสาหกรรมเกษตรที่สมบูรณ์ ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ผ่านระบบโลจิสติกส์ที่เพียบพร้อมด้วยมาตรฐานคุณภาพระดับสากล


            ซึ่งตลอดเวลา 5 เดือนเต็ม ในการขับเคลื่อนพรรครวมแผ่นดิน เพื่อเป็นตัวแทนของภาคประชาชนในการพัฒนาประเทศไปทุกมิติองคาพยพ ถึง ณ วันนี้ ทางพรรครวมแผ่นดินได้ดำเนินการสร้างรากฐานอันมั่นคงที่พร้อมเต็มเปี่ยมในการที่จะทำงานรับใช้ภาคประชาชนอย่างเต็มที่ ดังคำขวัญของพรรครวมแผ่นดินที่กล่าวไว้ว่า "พัฒนาเศรษฐกิจ ส่งเสริมประชาธิปไตย รับใช้ประชาชน" ด้วยเหตุนี้ ทางพรรครวมแผ่นดินจึงได้ดำเนินการจัดการประชุมใหญ่สามัญพรรครวมแผ่นดิน ครั้งที่ 1/2566  ในวันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม 2566 เวลา 9:00 น.  ณ ห้องประชุม ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษาฯ จังหวัดเชียงใหม่ "

               หัวหน้าพรรครวมแผ่นดิน ยังกล่าวถึงการนำเสนอนโยบายหลักใหญ่ของพรรครวมแผ่นดินจะมี 3 ด้าน ประกอบไปด้วย การเมืองการปกครอง, เร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และสร้างสังคมอันดีงาม สามัคคี ปรองดอง โดยจะมีการผลักดันกำหนดเป็นนโยบายหลัก 10 ข้อ ได้แก่


1 เร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง

2 พัฒนาระบบการศึกษา เรียนดี เรียนฟรี มีงานทำ

3 ส่งเสริมการท่องเที่ยวและกีฬา

4 พัฒนาระบบเกษตรกรรม (smart Farmer) พรบ.สินค้าเกษตร

5 เพิ่มเบี้ยสำรองเลี้ยงชีพผู้สูงอายุ กลุ่มเปราะบาง และอสม.

6 กระจายอำนาจรัฐสู่ชุมชน

7 สนับสนุนสิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียม

8 ปรองดอง ลดความขัดแย้ง ส่งเสริมประชาธิปไตย

9 ป้องกัน ปราบปราม ยาเสพติด ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน

10 ส่งเสริมสินค้าชุมชนทั่วประเทศ พัฒนาสินค้า SME

            ทั้งนี้ทางพรรครวมแผ่นดินจึงขอร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมกันเปลี่ยนแปลงไปสู่การเมืองยุคใหม่อย่างสร้างสรรค์  และนำเสนอนโยบายที่มั่นใจว่าทำได้จริง เพื่อพี่น้องประชาชน มีคุณภาพชีวิตที่ดี เศรษฐกิจรุ่งเรือง ประชาธิปไตยงดงาม พร้อมร่วมกันเปลี่ยนแปลงไปสู่การเมืองยุคใหม่อย่างสร้างสรรค์  กับนโยบายที่มั่นใจว่าทำได้จริง ทำทันที

โดยมีกำหนดการ

07.45 - 09.00 น. ลงทะเบียน เชิญชมนิทรรศการนโยบายหลักของพรรค

09.00 - 09.15 น.  หัวหน้าพรรคกล่าวเปิดประชุม

09.15 - 11.30 น. วาระการประชุมต่างๆ

11.30 - 12.00น. แถลงนโยบาย, เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส., ร่วมถ่ายภาพ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน

12.00 - 13.00น. พักรับประทานอาหาร

13.15 - 15.30 น. ปฐมนิเทศน์-อบรมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.

    จึงขออนุญาตแจ้งประชาสัมพันธ์ ขอเรียนเชิญผู้สื่อข่าวทุกสำนัก เข้าร่วมสังเกตุการณ์การประชุมใหญ่สามัญ พรรครวมแผ่นดิน ครั้งที่ 1/2566  ในวันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม 2566 ณ ห้องราชพฤกษ์ 1 ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ ๗ รอบ พระชนมพรรษาฯ จังหวัดเชียงใหม่ ตําบลช้างเผือก อําเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่


#รวมแผ่นดิน #ผลักดันนโยบาย #ร่วมกันเปลี่ยนแปลง #การเมืองยุคใหม่

https://g.co/kgs/rrJCDy

https://youtu.be/rewIg81-5Ck

คิกออฟการเฉลิมฉลอง 10 ปี กรอบการค้า ชิลี-ไทย จัดใหญ่ Chile-ASEAN Business Summit เป็นครั้งแรกในกรุงเทพฯ นำนักธุรกิจพบปะจับคู่กระตุ

คิกออฟการเฉลิมฉลอง 10 ปี กรอบการค้า ชิลี-ไทย จัดใหญ่ Chile-ASEAN Business Summit เป็นครั้งแรกในกรุงเทพฯ   นำนักธุรกิจพบปะจับคู่กระตุ้นการค้า...