วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2565

"สารวัตรแรมโบ้" เดินหน้าต่อเนื่อง "คดีตู้ ห่าว" ยื่นหนังสือถึง รมว.ยุติธรรม ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รับเป็นคดีพิเศษ

"สารวัตรแรมโบ้" เดินหน้าต่อเนื่อง "คดีตู้ ห่าว" ยื่นหนังสือถึง รมว.ยุติธรรม ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รับเป็นคดีพิเศษ

จากกรณีที่นายหาว เจ๋อ ตู้ หรือชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ กับพวกคนจีนที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลจับกุมที่ผับจินหลิง ในท้องที่ สน.ยานนาวา ถูกแจ้งข้อหา 1. สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 2. ร่วมกันค้ายาเสพติด 3. ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อยอดขยายผลบุกเข้าค้นบ้านหรู พร้อมยึดทรัพย์ ที่ดินจำนวนมาก พร้อมเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว ปรากฎว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ยานนาวา ปล่อยรถของกลางคนจีนผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี รวมทั้งพบเจ้าหน้าตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจำนวนหนึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องให้ความสะดวกรู้เห็นกับกลุ่มคนจีนที่ทำผิดกฎหมาย จากการให้สัมภาษณ์ของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

จากเหตุผลสำคัญและความจำเป็นดังกล่าวข้างต้น พันตำรวจเอกสุรโชค เจษฎาเดช (สารวัตรแรมโบ้) มูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดในประเทศไทย จึงได้เดินทางมาที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนถึงนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กระทรวงยุติธรรม รับคดีนายหาว เจ๋อ ตู้ หรือชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ คนจีนที่แปลงสัญชาติไทยกับพวกที่เกี่ยวข้องทุกคนอยู่ในอำนาจการสอบสวนการดำเนินคดีเป็นคดีพิเศษ โดยมี ว่าที่ร้อยตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้รับหนังสือ  เมื่อวันที่16 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา

พันตำรวจเอกสุรโชค เจษฎาเดช (สารวัตรแรมโบ้) มูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดในประเทศไทย กล่าวว่า ตนเองขอชื่นชมและต้องปรบมือให้กับการทำงานของกระทรวงยุติธรรมที่กล้าทำการยึดทรัพย์แก๊งค์ตนจีนสีเทากว่าหมื่นล้านบาท และตนก็ได้ปรึกษากับคณะที่ปรึกษาประกอบด้วยข้าราชการทหารตำรวจ ผู้พิพากษา อัยการ นักกฎหมาย และทนายความจนตกผลึก เห็นควรว่า "ควรอย่างยิ่งที่ให้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กระทรวงยุติธรรม ให้รับคดีนายหาว เจ๋อ ตู้ หรือชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ คนจีนที่แปลงสัญชาติไทยกับพวกที่เกี่ยวข้องทุกคนอยู่ในอำนาจการสอบสวนการดำเนินคดีเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลทางการเงิน มีสมัครพรรคพวก มีกลุ่มข้าราชการบางส่วนและเจ้าหน้าที่ตำรวจบางหน่วยงานให้การสนับสนุนช่วยเหลือ

                                                

อีกทั้งเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนทั้งประเทศในขณะนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย สร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนทั้งประเทศและนักลงทุนต่างประเทศทั่วโลกที่เดินทางเข้ามาลงทุนในประเทศไทย โดยใหผู้กระทำผิดทุกคนได้รับโทษสูงสุดตามกฎหมายบ้านเมืองตามพยานหลักฐาน โดยเฉพาะกรมสอบสวนคดีพิเศษอยู่ในสายบังคับบัญชาของกระทรวงยุติธรรมที่มีหน่วยงานสำคัญประกอบด้วย สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ทำให้การสืบสวนและสอบสวนคดีนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ หาว เจ๋อ ตู้ กับพวกคนจีนที่เกี่ยวข้อง เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เกิดความรวดเร็วสามารถตอบความเคลือบแคลงสงสัยต่อสังคมได้ หากยังอยู่ในอำนาจการสืบสวนสอบสวนการรวบรวมพยานหลักฐานฝ่ายตำรวจแต่ฝ่ายเดียว 

***พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช (สารวัตรแรมโบ้) ประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดในประเทศไทย ฉายา "ตำรวจมือปราบพระกาฬ" อดีตสารวัตรกองปราบ นครบาล และผู้กำกับสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ ซึงทำคดีดังๆ ระดับชาติและนานาชาติมาแล้วมากมาย เช่น .คดีจ้างวานฆ่าคนสนิทหลวงพ่อคูณ คดีฆ่าถ่วงน้ำตระกูลตั้งฮั้วคดีฆ่าเผา 5 ศพตระกูลหลิมบุญเจียมปี 2537 .จับนายจาง ยาไฉ ชาวจีน มือปืนรับจ้างนักฆ่าข้ามชาติ 100 ศพ นำคนร้ายส่งเมืองจีนด้วยตนเอง จับมือปืนรับจ้างนักฆ่าข้ามชาติชาวเยอรมัน 2 คน  จับคนร้ายจำนวน 3 คนในคดีเรียกค่าไถ่นักศึกษาสาว จับกุมคนร้ายปล้นทรัพย์ เรียกค่าไถ่นักธุรกิจชาวจีนจำนวน 100 ล้านบาท เมื่อปี 2536 และยังมีคดีที่ปล้นชิงทรัพย์นักธุรกิจชาวจีนอีกหลายคดีที่พันตำรวจเอกสุรโชค เจษฎาเดช ได้ช่วยเหลือนักธุกิจชาวจีนที่ถูกปล้นทรัพย์ชิงทรัพย์หลายคดี รวมทั้งคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญระดับนานาชาติอีกจำนวนมาก

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2565

กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว จัดประชุมกำหนดแนวทางเพื่อยกระดับการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ พ.ศ. 2566

กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว จัดประชุมกำหนดแนวทางเพื่อยกระดับการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ พ.ศ. 2566


เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2565 กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดประชุมร่วมกับ  ภ.จว.ชลบุรี, สภ.เมืองพัทยา, ตม.ชลบุรี, ส.ทท.1, กก.5 บก.รน., ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล., เมืองพัทยา, อำเภอบางละมุง, ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดชลบุรี, สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศ (ททท.) สำนักงานพัทยา, สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา, สาธารณสุขอำเภอบางละมุง, สมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก, สมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา, คณะกรรมการการท่องเที่ยวและวัฒนธรรมเมืองพัทยา, สมาคมผู้ประกอบการค้าวอล์คกิ้งสตรีทพัทยา และประธานชมรมผู้ประกอบการกลางคืนเมืองพัทยา  กำหนดแนวทางเพื่อยกระดับการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว ณ ห้องประชุมชั้น 2  Shambhala Hotel Pattaya อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

ละพิธีปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นให้แก่กท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่ พ.ศ. 2566 ณ แยกนิภารอท เมืองพัทยา อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นการแสดงความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจท่องเที่ยว ในการดูแลนักท่องเที่ยว และประชาชนในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ พ.ศ. 2566 โดยมี พล.ต.ท.สุคุณ พรหมายน ผบช.ทท. เป็นประธานในพิธี

กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ในดำเนินการเกี่ยวกับการรักษาความสงบ เรียบร้อย การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทั่วราชอาณาจักร การให้ความปลอดภัย ให้บริการช่วยเหลือ  อำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ได้เล็งเห็นความสำคัญในหลักการดังกล่าวข้างต้น จึงได้จัดพิธีปล่อยแถวสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ พ.ศ. 2566 และเป็นการยกระดับการเพิ่มอันดับความสามารถทางการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์การท่องเที่ยวด้านการรักษาความปลอดภัย สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว

ดังนั้น การประชุมกำหนดแนวทางเพื่อยกระดับการรักษาความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว  และการปล่อยแถวในครั้งนี้ จึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวรับทราบถึงความตั้งใจของทุกภาคส่วน  โดยเฉพาะความพร้อมของกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลรักษาความปลอดภัย ให้กับนักท่องเที่ยวอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อความปลอดภัย ในช่วงเทศกาลคริสต์มาส และปีใหม่ พ.ศ. 2566

นอกจากนี้ กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวขอฝากถึงนักท่องเที่ยวและพี่น้องประชาชน ท่านสามารถแจ้งเหตุผ่าน สายด่วน 1155 ตลอด 24 ชั่วโมง และแอพพลิเคชั่น ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว Tourist Police i lert u

วันอังคารที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2565

"สารวัตรแรมโบ้" เดือด ยื่นหนังสือ 4 หน่วยงานรัฐ คดีตู้ห่าวไม่มีความคืบหน้า ไม่มีผล ไร้วี่แวว ชวนสงสัยมีผลประโยชน์ เดินหน้ายื่นหนังสือถึง ฯพณฯ สี จิ้น ผิง ประธานาธิบดี สาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านเอกอัครราชฑูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย

"สารวัตรแรมโบ้" เดือด ยื่นหนังสือ 4 หน่วยงานรัฐ คดีตู้ห่าวไม่มีความคืบหน้า ไม่มีผล ไร้วี่แวว ชวนสงสัยมีผลประโยชน์

เดินหน้ายื่นหนังสือถึง ฯพณฯ สี จิ้น ผิง ประธานาธิบดี สาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านเอกอัครราชฑูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย

พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช ประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดในประเทยไทย ฉายา "สารวัตรแรมโบ้" ตำรวจมือปราบพระกาฬ อดีตนายตำรวจมือตงฉินมือสะอาดเจ้าของฉายา ที่เคยเป็น อดีตสารวัตรกองปราบ นครบาล และผู้กำกับสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดอำนาจเจริญ ซึ่งทำคดีดังๆ ระดับชาติและนานาชาติมาแล้วมากมาย เช่น .คดีจ้างวานฆ่าคนสนิทหลวงพ่อคูณ คดีฆ่าถ่วงน้ำตระกูลตั้งฮั้วคดีฆ่าเผา 5 ศพตระกูลหลิมบุญเจียมปี 2537 จับมือปืนรับจ้างนักฆ่าข้ามชาติชาวเยอรมัน 2 คน  จับคนร้ายจำนวน 3 คนในคดีเรียกค่าไถ่นักศึกษาสาว และยังมีคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญระดับนานาชาติอีกจำนวนมาก 

รวมทั้งคดีที่เกี่ยวกับรัฐบาลจีน อาทิ 1. เคยทำงานร่วมกับนาย จาง หมิง หรือนายไมเคิล ผู้การกองปราบจากเกาะไหหลำร่วมกันสืบสวนจับกุมนายจาง ยาใฉ มือปืนรับจ้างข้ามชาติ นักฆ่า 100 ศพจากเมืองจีน ครั้งสุดท้ายได้ใช้อาวุธปืนสังหารนักธุรกิจ 3 คน บนเกาะไหหลำในร้านขายยาเมื่อปี พ.ศ. 2536 นำตัวส่งรัฐบาลจีน ดำเนินคดีที่เมืองไหโข่ว เกาะไหหลำ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน                                              

2. ได้ร่วมจับกุมเจ้าหน้าที่ธนาคารชาติ 3 คน ของสาธารณรัฐประชาชนจีน ยักยอกทรัพย์จำนวนเงิน ประมาณ 50 ล้านบาท ที่ธนาคารเมืองกว่างโจว เมื่อปี พ.ศ. 2536 นำตัวส่งดำเนินคดี 2 คน อีก 1 คน ผูกคอตายในห้องขังที่กองปราบปราม                                                                                                    

3. ได้ช่วยจับกุมคนร้ายปล้นทรัพย์ เรียกค่าไถ่นักธุรกิจชาวจีนจำนวน 100 ล้านบาท เมื่อปี พ.ศ. 2536 ที่กรุงเทพมหานคร                                                                                                                      

4. ยังมีคดีที่ปล้นชิงทรัพย์นักธุรกิจชาวจีนอีกหลายคดีที่พันตำรวจเอกสุรโชค เจษฎาเดช ได้ช่วยเหลือนักธุกิจชาวจีนที่ถูกปล้นทรัพย์ชิงทรัพย์หลายคดี

หลังยื่นหนังสือ 4 หน่วยงานรัฐ ได้แก่ ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ของรัฐบาลสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล   กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คดีตู้ห่าวก็ยยังไม่คืบหน้า ไม่มีผล ไร้วี่แวว ยกเว้นกระทรวงยุติธีรรมแห่งเดียวที่กล้าทำการยึดทรัพย์แก๊งค์คนจีนสีเทากว่าหมื่นล้านบาท อันนี้ก็ต้องขอชื่นชม

        วันที่ 20 ธันวาคม 2565 พ.ต.อ.สุรโชค เจษฎาเดช "สารวัตรแรมโบ้" ประธานมูลนิธิป้องกันต่อต้านอาชญากรรมและยาเสพติดในประเทยไทย  พร้อมด้วยนายอำนวย โกวิทธรรมกรณ์ ที่ปรึกษามูลนิธิฯ จึงได้เดินทางไปที่สถานฑูตสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อยื่นหนังสือถึง ฯพณฯ สี จิ้น ผิง ประธานาธิบดี สาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านเอกอัครราชฑูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่จากสันติบาลและสถานีตำรวจนครบาลห้วยขวางมาร่วมสังเกตการณ์


สืบเนื่องจากคดีของนายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ หาว เจ๋อ ตู้ กับพวกคนจีน ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลจับกุมที่ผับจินหลิง ในท้องที่ สน.ยานนาวา ถูกแจ้งข้อหา 1. สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 2. ร่วมกันค้ายาเสพติด 3. ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย 4. ร่วมกันฟอกเงิน จีงขอความร่วมมือให้ทางรัฐบาลส่งชุดสืบสวนสอบสวนที่ประจำสถานฑูตจีนในประเทศไทยหรือส่งมาจากประเทศจีน ให้สืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐาน ประสานมาทางมูลนิธิฯ หรือกระทรวงยุติธรรมโดยด่วนที่สุด เพื่อนำตัวขบวนการอาชญากรข้ามชาติคนจีนสีดำสีเทามาดำเนินการถึงที่สุดในประเทศ รวมทั้งครอบครัวของคนจีนที่ทำผิดกฎหมาย โดยนำเครื่องมือพิเศษเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเชื่อว่าจะจับได้หมดในประเทศไทยเร็วที่สุด รวมถึงให้รัฐบาลจีนออกกฎหมายให้ลงโทษแบบรุนแรงที่สุดถึงขั้นประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิตและยึดทรัพย์สินที่ฉ้อโกงมาจากคนไทยในประเทศไทยให้ส่งทรัพย์สินคืนให้ประเทศไทย ส่วนทรัพย์สินที่ฉ้อโกงมาจากคนจีนให้ส่งทรัพย์สินคืนประเทศจีน

 






วัดบางกง ร่วมกับ สภ.วิหารแดง และชาวบ้านบางกง ร่วมเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตตภาวนาถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ขอให้ทรงหายจากพระอาการประชวร

วัดบางกง ร่วมกับ สภ.วิหารแดง และชาวบ้านบางกง ร่วมเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตตภาวนา

ถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ขอให้ทรงหายจากพระอาการประชวร



          พระครูพิบูลย์โชติธรรม เจ้าอาวาสวัดบางกง อำเภอวิหารแดง จังหวัดสระบุรี นำพระภิกษุ 9 รูป สวดเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตตภาวนาถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ขอให้ทรงหายจากพระอาการประชวร โดยมี พ.ต.ท.เกรียงศักดิ์ มัชฉิมะบุระ สารวัตรอำนวยการ สภ.วิหารแดง ข้าราชการตำรวจ พร้อมชาวบ้านบางกง ร่วม 30 คน ร่วมพิธีสวดเพื่อถวายพระพรชัยมงคลแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา โดยอัญเชิญบทสวด “โพชฌังคปริตร” ก่อนร่วมอธิษฐานจิตตภาวนาถวายพระพร ด้วยหัวใจแห่งความจงรักภักดี

#สวดมนต์ถวายพระพรชัยมงคล

วัดศรีนวล หนองแขม จัดพิธีเบิกเนตรท้าวเวสสุวรรณ และพิธีสวดภาณยักษ์ใหญ่ ประจำปี ๒๕๖๕

วัดศรีนวล หนองแขม จัดพิธีเบิกเนตรท้าวเวสสุวรรณ และพิธีสวดภาณยักษ์ใหญ่ ประจำปี ๒๕๖๕

                  ในเดือน ธันวาคม ๒๕๖๕ ถือเป็นวาระอันเป็นมหามงคลยิ่งที่วัดศรีนวลได้อัญเชิญรูปหล่อองค์ ท้าวเวสสุวรรณเนื้อสัมฤทธิ์ ขนาดสูง ๓.๘๐ เมตรมาประดิษฐานยังวัดศรีนวล แขวงหนองแขม เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร โดย มีพิธีบรวงสรวงและเบิกเนตรท้าวเวสสุวรรณ  ซึ่งทางวัดศรีนวลได้รับความเมตตาจาก ท่านเจ้าประคุณสมเด็จ  พระพุฒาจารย์ (สนิท ชวนปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก กรรมการมหาเถรสมาคม ได้มาเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และได้รับเกียรติจาก ดร. อรพรรณ สินประสงค์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคโนโลยีการจัดการ เพชรเกษม ประธานกรรมการวัดศรีนวล เป็นประธานฝ่ายฆราวาส โดยมี ดร.นราวดี แสงรัตนกุล  ที่ปรึกษาโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา และที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการ การศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฏร, และคุณเสาวนีย์  บุนนาค ร่วมงานมหาด้วย

     

         ตามประวัติท้าวเวสสุวรรณ เป็นเทพผู้ยิ่งใหญ่ ๑ ในท้าวจตุโลกบาลทั้ง ๔ สถิตอยู่บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ประทับอยู่ทางทิศเหนือ เป็นอธิบดีแห่งอสูร มีอสูรรากษส และภูตผีปีศาจเป็นบริวาร ท่านเป็นเทพผู้ทำหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนา และท่านเป็นเทพผู้คุ้มครองโลกมนุษย์ เชื่อกันว่าท่านจะคอยปัดเป่าสิ่งไม่ดีออกไปจากชีวิต อีกทั้งยังเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภที่มีขุมทรัพย์มหาศาล ดังนั้น ผู้คนจึงนิยมกราบไหว้บูชาท่าน ขอพร ขอโชคลาภ รวมถึงปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป

            และในวันเดียวกันภายหลังพิธีบรวงสรวงทางวัดยังจัดพิธีสวดภาณยักษ์ใหญ่ เป็นบทสวดโบราณซึ่งอานิสงส์ของการสวดภาณยักษ์ใหญ่มีความเชื่อว่าจะช่วยป้องกันภัยและสิ่งชั่วร้าย อีกทั้งช่วยขับไล่ภูตผี วิญญาณไม่ดีให้ออกไปจากตัวผู้สวด ที่มาจากยักษ์ชั่วร้าย และอมนุษย์ที่ประสงค์ร้ายได้ ปกป้องคุ้มครองผู้สวดและผู้สดับให้อยู่สุขสวัสดี     ซึ่งในพิธีของวัดศรีนวลนี้ถือเป็นการจัดขึ้นครั้งแรกในรอบ ๓๕ ปีนับตั้งแต่วันที่ได้รับวิสุงคามสีมา (การตั้งพื้นที่วัด) 

         การจัดงานพิธีบรวงสรวงและเบิกเนตรท้าวเวสสุวรรณ รวมทั้งพิธีสวดภาณยักษ์ใหญ่ ประจำปี ๒๕๖๕ ในครั้งนี้ เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ผู้คนในชุมชน

             ทั้งนี้สาธุชนสามารถเข้ากราบสักการะ ท้าวเวสสุวรรณ ได้ที่วัดศรีนวล แขวง/เขต หนองแขม กรุงทพมหานคร ได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา ๘.๐๐ น. - ๑๘.๐๐ น. และร่วมสมทบทุนสร้างศาลาปฏิบัติธรรม วัดศรีนวล แขวง/เขต หนองแขม ได้ที่  ธนาคารออมสิน สาขา หนองแขม  ชื่อบัญชี วัดศรีนวล แขวงหนองแขม   เลขที่บัญชี 020399499522

ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ https://www.facebook.com/WatSiNuanNongKhae

 

“กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ” คิกออฟโครงการ “ปรับ เปลี่ยน ปลุก ปั้น”เดินหน้าจัดกิจกรรมกับโรงเรียน 4 ภาค มุ่งสร้างพื้นฐานด้านกีฬาให้เยาวชน

“กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ” คิกออฟโครงการ “ปรับ เปลี่ยน ปลุก ปั้น”เดินหน้าจัดกิจกรรมกับโรงเรียน 4 ภาค มุ่งสร้างพื้นฐานด้านกีฬาให้เยาวชน

         กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เปิดตัวโครงการ ปรับ เปลี่ยน ปลุก ปั้น ตั้งเป้าส่งเสริมให้เยาวชนมีพื้นฐานการเล่นกีฬาที่ถูกต้อง และสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนหันมาเล่นกีฬามากขึ้น พร้อมทั้งมอบอุปกรณ์กีฬา และมอบทุนพิเศษ โดยกดปุ่มคิกออฟโครงการ และปล่อยคาราวานรถ ปรับ เปลี่ยน ปลุก ปั้น ลุยออกเดินทางไปจัดกิจกรรมให้กับเยาวชนในโรงเรียน 4 แห่ง 4 ภาค ตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้

              นายวินัย ทองรัตน์ กรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ กล่าวว่า โครงการ ปรับ เปลี่ยน ปลุก ปั้น เป็นโครงการที่กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติริเริ่มจัดขึ้นเป็นปีแรก มีเป้าหมายที่จะสร้างพื้นฐานการเล่นกีฬาที่ถูกต้องและมีมาตรฐานให้กับเยาวชน เพื่อนำไปสู่การสร้างสังคมคนรักกีฬา สามารถเพิ่มนักกีฬาระดับท้องถิ่น สู่ระดับจังหวัด และระดับชาติ ต่อไป ซึ่งภายใต้โครงการนี้จะมีการจัดกิจกรรมโดยใช้กลยุทธิ์ 4 ป คือ “ปรับ” โดยการปรับพื้นฐานด้านกีฬาให้เยาวชนด้วยเกมกีฬาสันทนานการ “เปลี่ยน” โดยการมอบอุปกรณ์กีฬาใหม่แทนอุปกรณ์กีฬาที่ชำรุด “ปลุก” โดยการสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนด้วยนักกีฬาต้นแบบ และ “ปั้น” โดยการมอบทุนพิเศษด้านกีฬาหรือทุนการศึกษาให้นักกีฬาประจำโรงเรียนหรือโรงเรียน

          โครงการ ปรับ เปลี่ยน ปลุก ปั้น มีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษา – มัธยมศึกษาปีที่ 6 อายุระหว่าง 10-18 ปี โดยครั้งนี้จะจัดกิจกรรมขึ้นที่โรงเรียน 4 แห่ง 4 ภาค ระหว่างเดือนธันวาคม 2565 - มกราคม 2566 ได้แก่ ภาคกลาง จัดที่โรงเรียนเทศบาล 5 (พหลโยธินรามินทรภักดี) จังหวัดราชบุรี ในวันที่ 16 ธันวาคม 2565 โดยมุ่งฝึกทักษะกีฬาตะกร้อ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดที่โรงเรียนห้วยต้อน จังหวัดชัยภูมิ ในวันที่ 21 ธันวาคม 2565 โดยมุ่งฝึกทักษะกีฬาคิกบ็อกซิ่ง ภาคเหนือ จัดที่โรงเรียนเชียงม่วนวิทยาคม จังหวัดพะเยา ในวันที่ 26 ธันวาคม 2565 โดยมุ่งฝึกทักษะกีฬาวิ่ง และ ภาคใต้ จัดที่โรงเรียนบ้านเกาะบูโหลน จังหวัดสตูล ในวันที่ 9 มกราคม 2566 โดยมุ่งฝึกทักษะกีฬาฟุตบอลชายหาด

        สำหรับนักกีฬาต้นแบบที่จะมาร่วมกิจกรรมที่โรงเรียนแต่ละแห่ง ล้วนเป็นนักกีฬาที่มีชื่อเสียงที่จะสร้างแรงบันดาลใจในการเล่นกีฬาให้กับเยาวชน อาทิ จ.ส.อ.รัถเดช น้อยเจริญ อดีตนักตะกร้อทีมชาติไทย วราพร ใจเที่ยง นักกีฬาคิกบ็อกซิ่งทีมชาติไทย อภิสิทธิ์ ช้างหิน นักวิ่งดาวรุ่งที่กำลังมาแรง

“โครงการ ปรับ เปลี่ยน ปลุก ปั้น จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีให้กับเยาวชน ทำให้เยาวชนเริ่มต้นได้รับโอกาส เริ่มต้นพื้นฐานกีฬาที่ถูกต้อง และเริ่มต้นก้าวสู่เส้นทางกีฬา ซึ่งการเริ่มต้นที่ดีจะนำมาสู่ความสำเร็จ และทำให้เยาวชนที่มีความฝันอยากเป็นนักกีฬาเป็นจริงได้”

         นอกจากจะมีการปล่อยคาราวานรถโครงการ ปรับ เปลี่ยน ปลุก ปั้น เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการคิกออฟโครงการอย่างเป็นทางการแล้ว ภายในงานยังจัดให้มีการเสวนาในหัวข้อ “การพัฒนากีฬาสู่ความเป็นเลิศ” โดยมี นายวินัย ทองรัตน์ กรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ พร้อมด้วย      นายประชุม  บุญเทียม รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ฝ่ายกีฬาเป็นเลิศและวิทยาศาสตร์การกีฬา และ นายชนาสิน สิมะดำรงค์ รองผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ร่วมเสวนา 







คณะพระธรรมทูตไทย และพุทธบริษัทชาวไทย ร่วมสวดเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตตภาวนา เพื่อถวายพระพรชัย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ขอให้ทรงหายจากพระอาการประชวร

คณะพระธรรมทูตไทย และพุทธบริษัทชาวไทย ร่วมสวดเจริญพระพุทธมนต์ เจริญจิตตภาวนา เพื่อถวายพระพรชัย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ขอให้ทรงหายจากพระอาการประชวร



      พระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระธรรมโพธิวงศ์ เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา หัวหน้าพระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย-เนปาล นำคณะพระธรรมทูต และพุทธศาสนิกชน ร่วมในพิธีสวดพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนา เพื่อร่วมถวายพระพรชัย สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ขอให้ทรงหายจากพระอาการประชวร ณ ภายใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ พุทธคยา ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2565


          การประกอบพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ดังกล่าว เป็นไปตามที่ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ประธานกรรมการมหาเถรสมาคม ทรงมีพระบัญชาโปรดให้สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม แจ้งวัดทุกวัดทั่วราชอาณาจักร และวัดไทยในต่างประเทศ ให้คณะสงฆ์ พร้อมด้วยพุทธศาสนิกชน ร่วมกันเจริญพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนาถวายเป็นพิเศษ ต่อจากการสวดมนต์ทำวัตรเช้าและทำวัตรเย็น เพื่อถวายพระพรชัยแด่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เป็นประจำทุกวัน ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป 

ททท. เปิดตัว “NFT BUAKAW 1 x Amazing Thailand” สร้างปรากฎการณ์ต่อยอด “มวยไทย” และ “เทคโนโลยี” สู่โลกแห่งการท่องเที่ยวไทย “คอลเล็กชันสุดพิเศษ” แค่ 2,000 ชิ้น

ททท. เปิดตัว “NFT BUAKAW 1 x Amazing Thailand” 

สร้างปรากฎการณ์ต่อยอด “มวยไทย” และ “เทคโนโลยี” 

สู่โลกแห่งการท่องเที่ยวไทย “คอลเล็กชันสุดพิเศษ” แค่ 2,000 ชิ้น

              ก้าวไปอีกขั้นกับสังเวียนครั้งใหม่ของโปรเจคต์ BUAKAW 1 โดย “บัวขาว บัญญาเมฆ” เดินหน้าสู่การต่อยอดดิจิทัลอาร์ตหรือภาพ NFT ให้เป็นมากกว่าของสะสม ด้วยการสร้างสรรค์ศิลปะชุดใหม่ พร้อมกับสิทธิประโยชน์ของการเป็นเจ้าของ NFT ด้าน “การท่องเที่ยว” ไม่ว่าจะเป็นส่วนลดจากโรงแรมชั้นนำ พร้อมมีสิทธิ์ลุ้นรับแพ็กเกจที่พักสุดหรูผ่านการใช้ “Amazing Thailand Exclusive Collection” สนับสนุนโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จำกัดเพียง 2,000 ชิ้น สำหรับผู้ถือครอง NFT BUAKAW 1 เท่านั้น

            บัวขาว บัญชาเมฆ ฮีโร่นักชกขวัญใจชาวไทย และเจ้าของค่ายมวยบัญชาเมฆ เปิดเผยว่า “มวยไทยเป็นศิลปะประจำชาติไทยที่มีเอกลักษณ์ เป็นที่ชื่นชมและยกย่องของคนทั้งโลก แรงบังดาลใจในการต่อยอดครั้งนี้ เป็นการสนับสนุนและเผยแพร่ “มวยไทยในรูปแบบใหม่” นอกเหนือจาการเผยแพร่เชิงวัฒนธรรม แต่เป็นการผสมผสาน เทคโนโลยีในรูปแบบของ NFT ที่สามารถสนับสนุนโลกของมวยไทย และการท่องเที่ยวไปอีกขั้น ที่สำคัญคือการช่วยเหลือผู้ประกอบการให้เกิดรายได้จริง ซึ่งรู้สึกเป็นเกียรติเป็นอย่างมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้

            ด้านนายนิธี สีแพร  รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. มีแผนต้องการผลักดันการต่อยอดโลกเทคโนโลยีสู่การท่องเที่ยว เพื่อเพิ่มโอกาสในการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในอนาคต โดยโครงการนี้ถือเป็นการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวทั้งในส่วนของ Demand และ Supply ที่ช่วยพลิกฟื้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้ก้าวสู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยว Digital Literacy ในการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง NFT ที่เป็นที่นิยมในโลกปัจจุบัน ต่อยอดกับการท่องเที่ยวภายในประเทศ จึงทำให้โครงการนี้เป็นโครงการต้นแบบที่ถือว่าช่วยสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยว และยังช่วยเสริมสร้างรายได้ของการท่องเที่ยวภายในประเทศไทย

             กลุ่มตัวแทนผู้ก่อตั้งโปรเจ็ค BUAKAW1 ธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ CEO YDM Thailand และ วัชระ เอมวัฒน์ Co-Founder และ Co-CEO บริษัท SIX Network กล่าวเล่าถึงรายละเอียดโครงการเพิ่มเติมว่า โครงการ “NFT BUAKAW 1 x Amazing Thailand”  ริเริ่มจากไอเดียการสร้าง น้ำยาท่องเที่ยว และ มีการแจก NFT Exclusive Collection สำหรับผู้ถือครอง BUAKAW1 จำนวน 2,000 เพื่อเปลี่ยน Background เป็นภาพสถานที่ทั่วไทย ทั้งหมด 10 จังหวัดทั่วไทย ไม่ว่าจะเป็น เชียงใหม่ เชียงราย สุโขทัย บึงกาฬ ระนอง จันทบุรี เป็นต้น โดยคนที่ถือ NFT คอลเล็กชันพิเศษนี้ สามารถได้รับสิทธิประโยชน์จากโรงแรมชั้นนำทั่วไทย ใช้ได้ตลอดปี 2023 รวมถึงจะมีการเปิดขาย “น้ำยาสมมาตร” และ กิจกรรมออนไลน์ “เพื่อนชวนเพื่อนท่องเที่ยว” ที่สามารถให้ผู้เป็นเจ้าของภาพ NFT BUAKAW1 สามารถชวนเพื่อนมาเล่นกิจกรรมเพื่อรับสิทธิประโยชน์ท่องเที่ยวด้วยกันผ่านช่องทางเฟสบุ้คของ บัวขาว บัญชาเมฆ ในช่วงต้นปี 2566 ที่จะถึงนี้ด้วยครับ

                 NFT BUAKAW 1 เตรียมปล่อยคอลเลกชั่นพิเศษนี้ให้กับผู้เป็นเจ้าของ “NFT BUAKAW 1” ในช่วงปีใหม่นี้ เพื่อเป็นของขวัญให้กับผู้เป็นเจ้าของ NFT BUAKAW 1 Collection แรกทุกท่าน สามารถติดตามรายละเอียดโปรเจ็คอย่างใกล้ชิดผ่านช่องทาง Discord Buakaw1 หรือ www.buakaw.club/th และจะเริ่มต้นกิจกรรมเพื่อนชวนเพื่อนท่องเที่ยว ในเดือนมกราคม 2566 ที่จะถึงนี้ บน ทางช่องทาง Facebook บัวขาว บัญญาเมฆ 

#NFT #BUAKAW1 #บัวขาว #NFTCommunity #NFTGiveaway #AmazingThailand #TAT #การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

คิกออฟการเฉลิมฉลอง 10 ปี กรอบการค้า ชิลี-ไทย จัดใหญ่ Chile-ASEAN Business Summit เป็นครั้งแรกในกรุงเทพฯ นำนักธุรกิจพบปะจับคู่กระตุ

คิกออฟการเฉลิมฉลอง 10 ปี กรอบการค้า ชิลี-ไทย จัดใหญ่ Chile-ASEAN Business Summit เป็นครั้งแรกในกรุงเทพฯ   นำนักธุรกิจพบปะจับคู่กระตุ้นการค้า...