วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2567

รับส่วนลดและของรางวัลสุดพิเศษใน โครงการเที่ยว "72 เส้นทางสายศรัทธา 55 เมืองรอง" จาก ททท. พีที แมกซ์ การ์ด และพันธมิตร

รับส่วนลดและของรางวัลสุดพิเศษใน โครงการเที่ยว "72 เส้นทางสายศรัทธา 55 เมืองรอง" 

จาก ททท. พีที แมกซ์ การ์ด และพันธมิตร 

         การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท ) ร่วมกับ พีที แมกซ์ การ์ด โรงแรมในเครือฟอร์จูน และซิกท์ เร้น อะ คาร์ พร้อมด้วย อ.คฑา ชินบัญชร เปิดตัวโครงการ "พีที แม็กซ์ การ์ด ท่องเที่ยว 72 เส้นทางสายศรัทธา 55 เมืองรอง" ภายใต้แนวคิดชวนคนไทยเที่ยวตามรอยเส้นทางสายศรัทธาที่ทรงคุณค่าในเมืองรอง โดยมี นางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ (ททท.) อ.คฑา ชินบัญชร พรีเซ็นเตอร์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายพร้อมศักดิ์ จรัญญากรณ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด บริษัทในเครือพีทีจี นายไพสิฐ แก่นจันทน์ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจโรงแรม บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) และนายภูมน สมดี ผู้จัดการทั่วไป ซิกท์ เร้น อะ คาร์ ให้เกียรติร่วมงาน ณ สถานีบริการน้ำมัน Max Park Salaya เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567

         โครงการ "พีที แม็กซ์ การ์ด ท่องเที่ยว 72 เส้นทางสายศรัทธา 55 เมืองรอง" ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการตลาดการท่องเที่ยวเมืองรอง เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวและเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศกลับสู่เมืองรอง รวมถึงเพื่ออนุรักษ์ศิลปะวัฒนธรรม คตินิยม ให้คงอยู่เป็นสมบัติของท้องถิ่นและวิถีชุมชน พัฒนาวัฒนธรรมให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ สังคม และที่สำคัญคือเพื่อกระตุ้นความคึกคักให้เมืองรอง รวมถึงการพัฒนาคุณภาพและบริการให้ได้มาตรฐานเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว

          นางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. กล่าวว่า จากแผนงานส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ซึ่งที่ผ่านมา ททท. ได้จัดทำโครงการร่วมกับพันธมิตรที่หลากหลาย ซึ่งครั้งนี้นับเป็นครั้งสำคัญในการทำงานร่วมกับ อ.คฑา ชินบัญชร พรีเซ็นเตอร์ ททท. และพีที แมกซ์ การ์ด โรงแรมในเครือฟอร์จูน และรถเช่า ซิกท์ เรัน อะ คาร์ ได้มาร่วมกันจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวและกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกที่มีถึง 3 พันธมิตรที่สามารถส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างครบวงจร คือ ที่พักคุณภาพ รถเช่าขับท่องเที่ยวเกรดพรีเมี่ยม และปั๊มน้ำมันที่มีบริการครบสำหรับนักเดินทาง พร้อมกันนี้ยังร่วมมอบสิทธิพิเศษที่จะรองรับนักท่องเที่ยวได้ใน 55 เมืองรอง 72 เส้นทางสายศรัทธาตลอดระยะเวลาของโครงการถึงวันที่ 31 สิงหาคม 25667


          ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวถือเป็นการขยายฐานตลาดและเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวคุณภาพผ่าน touchpoint ต่างๆ ของพันธมิตร เพื่อมุ่งเน้นให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ (Experience Tourism) แก่นักท่องเที่ยว ตลอดจนสามารถบอกเล่าเรื่องราวส่งต่อประสบการณ์ ความประทับใจนี้ให้แก่ผู้อื่นผ่านสื่อโซเชียลขตนเองได้ต่อไป


        สำหรับจุดเด่นของโครงการนี้ คือ การเชิญชวนนักท่องเที่ยวเดินทางใน 72 เส้นทางสายศรัทธา 55 เมืองรอง ได้เยี่ยมชมวัด
สถาปัตยกรรม และศิลปะของไทย ผ่านวัดและโบราณสถานต่างๆ ได้กราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และพระเถระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
เพื่อความเป็นสิริมงคล นอกจากนี้ เมืองรองของเรายังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและธรรมชาติที่งดงาม รวมทั้งอาหารที่มี
อัตลักษณ์ท้องถิ่นอีกมากมาย ให้นักท่องเที่ยวได้ค้นหาประสบการณ์ไปเมืองรองตามเส้นทางสายศรัทธาจะได้เติมเต็มความสุข
อิ่มบุญ อิ่มท้อง สนุก ครบคุ้มอย่างแน่นอน และที่สำคัญให้เชิญชวนคนที่รักไปเที่ยวด้วยกัน


         นายพร้อมศักดิ์ จรัญญากรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แมกซ์ โซลูชัน เซอร์วิส จำกัด บริษัทในเครือ พีทีจี ผู้ให้บริการบัตรสมาชิก
PT Max Card กล่าวถึงความร่วมมือกับ ททท. เป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวในจังหวัดเมืองรองในช่วง Low Season อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมต่อมาตรการลดหย่อนภาษีกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรองของรัฐบาล ปัจจุบันมีฐานสมาชิก PT Max Card กว่า 22 ล้านรายออกเดินทางท่องเที่ยวไปกับโครงการ พีที แมกซ์ การ์ด ท่องเที่ยว 72 เส้นทางสายศรัทธา 55 เมืองรอง ทางบริษัทฯ ได้เตรียมรายการส่งเสริมการขาย "เที่ยวเมืองรอง รับ E-Stamp X2" สำหรับสมาชิก Max Card (ทุกประเภทบัตร) ซึ่งจากปกติสมาชิกจะได้รับ 1 ดวง/วัน พิเศษสำหรับสมาชิก Max Card ที่เข้าใช้บริการและสะสมแต้มที่สถานีบริการน้ำมันหรือร้านค้าในเครือ PT ที่จังหวัดเมืองรองตลอดระยะเวลาโปรโมชั่นจะได้รับ E-Stamp 2 ดวง/วัน โดยสมาชิกสามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ได้ 2 ช่องทางที่ Application Max Me และ USSD  ระยะเวลาโปรโมชั่นตั้งแต่ 1 กรกฎาคม - 31  สิงหาคม 2567 โดย E-Stamp ที่ได้รับ สมาชิกสามารถ
สะสมและนำมาแลกเป็นของรางวัลต่างๆ ได้ใน Application Max Me


         นายไพสิฐ แก่นจันทน์ ผู้อำนวยการบริหารธุรกิจโรงแรม บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการโรงแรมในเครือฟอร์จูน กล่าวว่า โรมแรมในเครือฟอร์จูนยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวใน 55 เมืองรอง 72 เส้นทางสายศรัทธา ร่วมกับ ททท. และ พีที แมกซ์ การ์ด โดยมีโรงแรมรองรับนักท่องเที่ยวทั้งสิ้น 8 แห่ง ในภาคเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ด้วยห้องพักที่ได้มาตรฐานและบริการอินเตอร์เนตไวไฟที่แรงเร็วให้นักท่องเที่ยวอัพโหลดรูปลงโซเชียลได้อย่างทันใจ ที่สำคัญคือบริการที่เป็นมิตรจากพนักงานของเราทุกคน ซึ่งแรงการจ้างงานคนในพื้นที่ทำให้เราได้รับความอบอุ่นแบบเป็นกันเอง นอกจากนี้จะได้มอบสิทธิพิเศษส่วนลดค่าห้องพักในวันธรรมดา 15% พร้อมทั้งบริการ Late checkout ถึงบ่ายเวลา 14.00 น. ซึ่งนักท่องเที่ยวที่เป็นสมาชิก PT max card สามารถรับส่วนลดได้ผ่าน พีที Redeem App Max Card โดยสามารถทำการจองล่วงหน้าก่อนเข้าพักอย่างน้อย 7 วัน


          นายภูมน สมดี ผู้จัดการทั่วไป ซิกท์ เร้น อะ คาร์ กล่าวเสริมว่า ซิกท์ เร้นท์ อะ คาร์ ให้บริการรถเช่าทั่วไทยและทั่วโลก ยินดีให้บริการนักท่องเที่ยวร่วมกับโครงการ พีที แมกซ์ การ์ด ท่องเที่ยว 72 เส้นทางสายศรัทธา 55 เมืองรอง เพื่ออำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยวให้แก่ลูกค้า ไม่ว่าจะเช่าขับเองหรือเช่าพร้อมคนขับลีมูซีน สามารถรับรถได้ที่สนามบินหรือเช่ารถขับจากกรุงเทพฯ เพื่อเดินทางแบบเป็นส่วนตัวกับครอบครัวหรือคนที่รักได้อย่างสะดวก ด้วยรถยนต์คุณภาพระดับพรีเมี่ยมที่ให้คุณอุ่นใจในทุกการเดินทาง โดยในช่วงเวลาโครงการวันนี้ถึง 31 สิงหาคม 2567 ซิกท์ ได้มอบสิทธิพิเศษให้แก่นักท่องเที่ยว คือ ค่าบริการเช่ารถโตโยต้า ยาริส เริ่มต้นที่ 699 บาท/วัน ไม่รวมประกันชั้น 1 และภาษี และนักท่องเที่ยวที่มียอดค่าเช่าครบ 9,000 บาทขึ้นไป จะได้รับคูปองส่วนลด 300 บาท/สัญญา และเมื่อมียอดค่าเช่าครบ 5,000 บาทขึ้นไป จะได้รับคูปองส่วนลด 500 บาท/สัญญา พร้อมรับสิทธิ
upgrade 1 level ลูกค้าสามารถรับส่วนลดได้ผ่าน พี่ที Redeem App Max Card


      อ.คฑา ชินบัญชร พรีเซ็นเตอร์ ททท. ได้กล่าวขอบคุณ ททท. ที่มอบหมายให้เป็นผู้ดำเนินโครงการนี้ และขอขอบคุณพันธมิตรทุกท่านที่ให้การสนับสนุนเพื่อช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยผ่านการท่องเที่ยวในโครงการนี้ ซึ่งจะได้ดำเนินการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในสื่อต่างๆ และขอเชิญชวนแฟนที่คุ้นเคยกับผมมานานมาร่วมเดินทางท่องเที่ยวตามรอยเส้นทางสายศรัทธา กับ อ.คฑา ชินบัญชร พร้อมร่วมสนุกและลุ้นรับรางวัลร่วมทริป exclusive ครั้งนี้ที่จังหวัดนครพนมซึ่งจะเดินทางในช่วงปลายเดือนสิงหาคม 2567 นี้ และยังมีของรางวัลจากพันธมิตรอีกมากมาย และที่สำคัญคือแผ่นบูชา ชิ นะ ปัญ ชะ เร ติ ที่ผมได้จัดทำขึ้นเป็นพิเศษและเป็นครั้งแรก เพื่อมอบให้แก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางภายใต้โครงการนี้


        นักท่องเที่ยวที่สนใจ สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่เพจ คฑา ชินบัญชร ท่านที่สนใจสามารถสมัครสมาชิก PT Max Card ได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ที่สถานีบริการน้ำมัน / LPG พีที ทุกสาขา และร้านค้าที่ร่วมรายการ, LINE Official Account : PT Station, แอพพลิเคชั่น Max Me


         สามารถดูรายละเอียดของการสะสมและแลกคะแนน หรือติดตามทุกข่าวสารความเคลื่อนไหวและสิทธิประโยชน์เต็มแมกซ์ ได้ที่ https:/www.facebook.com/ptstation หรือ PT Call Center 1614 กด 1 ทุกวัน 8.00 - 20.00 น.
#การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย#
#PT MAX CARD#
#เที่ยว 55 เมืองรอง 72 เส้นทางศรัทธา#
#CP LAND#






















วันจันทร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2567

"มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย" มอบทุนการศึกษาระดับชั้นประถม ประจำปี 2567 แก่เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์

"มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย"

มอบทุนการศึกษาระดับชั้นประถม ประจำปี 2567

แก่เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์


        มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิ ๆ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการนายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ คณะกรรมการและผู้ช่วยกรรมการมูลนิธิฯ ร่วมในพีธีมอบเงินทุนการศึกษาระดับชั้นประถม ประจำปี พ.ศ. 2567 ให้แก่เยาวชนที่ประพฤติดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ จำนวน 1,500 ทุนๆ ละ 2,000 บาท รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 3,000,000 บาท (สามล้านบาทถ้วน) เพื่อช่วยเหลือให้เยาวชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ให้มีโอกาศเท่าเทียม สามารถศึกษาเล่าเรียนต่อ โดยไม่ต้องยุติการศึกษาเพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ และเติบโตสร้างอนาคตตามความมุ่งหวังของตนเองและครอบครัวต่อไป โดยมีเยาวชนและผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ เมื่อวันจันทร์ที่ 10 มิฤนายน 2567



         นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เปิดเผยว่า โครงการ "ป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้างอนาคตเด็กไทย" ด้วยการมอบทุนการศึกษาให้แก่เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งที่ได้ช่วยเหลือเสริมสร้างชีวิตให้อนาคตแก่เด็กไทยมากว่า 50 ปี


          โดยในปี พ.ศ. 2567 นี้ มูลนิธิป่อเต็กตื๊งได้จัดสรรงบประมาณเป็นจำนวนเงินกว่า 20 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนการศึกษาในระดับต่างๆ ได้แก่ ทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ทุนการศึกษาต่อเนื่องในทุกระดับชั้น ทุนการศึกษาทุกระดับปีสุดท้าย และทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนในถิ่นทุรกันดาร



          ตลอดระยะเวลากว่า 114 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตั๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่างๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ชนชั้น และศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายๆ ทาง รวมถึงสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อให้เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างครบวงจรในทุกๆ ด้านต่อไป ภายใต้ปฏิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง "ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต"

ติดตามข่าวสารและกิจกรรมด้านสาธารณกุศลช่วยเหลือสังคมของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊กมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง www.facebook.com/atpohtecktung

มูลนิธิโครงการหลวง ร่วมกับ สวพส. เปิดอบรมหลักสูตรนานาชาติ Go Organic

มูลนิธิโครงการหลวง ร่วมกับ สวพส. เปิดอบรมหลักสูตรนานาชาติ Go Organic

ความท้าทายของการผลิตและการตลาดแบบออร์แกนิก ประจำปี’67

     พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง เป็นประธานเปิดโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการนานาชาติ  ความท้าทายของการผลิตและการตลาดแบบออร์แกนิก ประจำปี’67 (International Workshop Programme on GO Organic : The Challenges of Organic Production and Marketing)  ณ ห้องประชุม ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตรโครงการหลวง ชนกาธิเบศรดำริ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2567


      โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการนานาชาตินี้ เป็นความร่วมมือของมูลนิธิโครงการหลวง และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. พร้อมด้วยกระทรวงการต่างประเทศ กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ (TICA) ซึ่งมุ่งกลุ่มเรียนรู้จากนานาชาติ โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 - 8 มิถุนายน 2567 ในรูปแบบการบรรยาย อภิปราย และการศึกษาดูงานในพื้นที่ปฏิบัติงานของมูลนิธิโครงการหลวง และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง 2 แห่ง ได้แก่ สถานีเกษตรหลวงอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ และเยี่ยมชมริมปิงซุปเปอร์มาร์เก็ต เรียนรู้กระบวนการขายผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก

        ศ.เกียรติคุณ ดร.พงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์ กรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวงและประธานคณะทำงานวิจัยมูลนิธิโครงการหลวง กล่าวว่า มูลนิธิโครงการหลวงมุ่งพัฒนาและส่งเสริมอาชีพให้กับเกษตรกรในพื้นที่โครงการหลวง โดยให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเกษตรกรรมที่ยั่งยืนบนพื้นที่สูง นำระบบมาตรฐานการเพาะปลูกที่ดีมาใช้ควบคุมกระบวนการเพาะปลูกของเกษตรกรตั้งแต่ในแปลงผลิตเพื่อให้ได้ผลผลิตที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จนได้รับการรับรองมาตรฐานการเพาะปลูกที่ดี (GAP) และมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ จากกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในปี พ.ศ. 2547


ปัจจุบัน มูลนิธิโครงการหลวงได้รับการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ในการผลิตพืชผักและสมุนไพร ผลไม้ พืชไร่ กาแฟ และชา รวม 76 ชนิดพืช โดยมีผลผลิตพืชผักและผลไม้อินทรีย์กว่า 10% ส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศ อาทิ สิงคโปร์

           ดร.เพชรดา อยู่สุข  รองผู้อำนวยการสถาบันด้านบริหารจัดการ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง  หรือ สวพส. กล่าวว่า   มูลนิธิโครงการหลวง ร่วมกับสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (สวพส.) ได้ขยายผลความสำเร็จของการผลิตพืชผักอินทรีย์ไปยังพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ และต่างประเทศ อาทิ สปป. ลาว และเมียนมา เพื่อเป็นการสร้างอาชีพทางเลือกให้กับเกษตรกร ซึ่งจะเห็นได้ว่าการทำเกษตรอินทรีย์บนพื้นที่สูง นอกจากจะเป็นการช่วยเพิ่มรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับเกษตรกรแล้ว ยังเป็นการผลิตที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของทั้งผู้ผลิต และผู้บริโภค รวมทั้งการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน


        ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมอบรมเชิงปฏิบัติการนานาชาติจาก 10 ประเทศ คือ ประเทศบังกลาเทศ ภูฏาน กัมพูชา สปป.ลาว มาเลเซีย เมียนมา เนปาล ฟิลิปปินส์ ศรีลังกา และประเทศไทย จะได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การพัฒนาพื้นที่สูงโดยถ่ายทอดตัวอย่างความสำเร็จทั้งจากเกษตรกรในพื้นที่ ผู้นำชุมชน นักพัฒนาชุมชน เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนบนพื้นที่สูงตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (SEP) และโมเดลเศรษฐกิจสีเขียวชีวภาพ (BCG) ตามแนวทางของมูลนิธิโครงการหลวง (Royal Project Model) เรียนรู้ความสำเร็จจากเกษตรกรในพื้นที่สูงมาสู่ระบบเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการบรรยายในหัวข้อต่างๆ อาทิ เทรนด์ตลาดผลิตภัณฑ์ออแกนิกและการเติบโต มาตรฐานออร์แกนิกในประเทศไทย และการปรับปรุงผลิตภัณฑ์เพื่อให้ได้มาตรฐานรับรอง (Certification) กระบวนการจัดการการผลิต การขนส่งผลิตภัณฑ์โครงการหลวงจากฟาร์มสู่โต๊ะอาหาร ลดการสูญเสียอาหาร มาตรฐานการควบคุมการผลิต การจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน (IPM) ซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่เกิดจากการปฏิบัติจริงของเกษตกรและเจ้าหน้าที่ซึ่งสามารถนำไปพัฒนาและปรับใช้ประโยชน์ในการรับมือกับความท้าทายของแต่ละประเทศ รวมทั้งการสร้างเครือข่ายการพัฒนาเกษตรอินทรีย์บนพื้นที่สูงอย่างยั่งยืนในอนาคต 


วันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2567

รมว. ท่องเที่ยว - ผู้ว่าการ ททท. เปิดงาน Thailand Travel Mart Plus 2024 (TTM+)

รมว. ท่องเที่ยว - ผู้ว่าการ ททท. เปิดงาน Thailand Travel Mart Plus 2024 (TTM+) 

ดันการท่องเที่ยวไทยผ่านเรื่องราวและความประทับใจในที่ไม่มีวันลืม 

มุ่งสร้างรายได้ถึงชุมชนไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท

      นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีเปิดงาน Thailand Travel Mart Plus 2024 (TTM+) งานแสดงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว พร้อมด้วย นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), นางสาวนิรชา บัณฑิตย์ชาติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา, นายเลิศศักดิ์ ปนกลิ่น นายกสมาคมการท่องเที่ยวพังงา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่และบุคคลสำคัญจากภาครัฐและเอกชนไทย ที่โรงแรม เจดับบลิว แมริออท เขาหลัก จังหวัดพังงา เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2567

     นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว. ท่องเที่ยว เผยว่า TTM Plus 2024 ในครั้งนี้ จะเป็นเวทีสำคัญที่จะได้แสดงศักยภาพจังหวัดพังงาและกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน เป็นศูนย์กลางทางการท่องเที่ยวทางภาคใต้ และมีชื่อเสียงทางด้านความสวยงามของแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และเรื่องการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (health and wellness) ภายใต้แคมเปญ Amazing Thailand : Your Stories Never End ดันการท่องเที่ยวไทยผ่านเรื่องราวและความประทับใจในที่ไม่มีวันลืม

    ด้าน นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์  ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า TTM Plus 2024 เป็นหนึ่งในงานแสดงสินค้าการท่องเที่ยว แบบ B2B ที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย และถือเป็นงานส่งเสริมการขายในธุรกิจท่องเที่ยวในระดับสากล โดยในปี 2567 นี้มีธุรกิจต่างๆ ที่สนใจลงทะเบียนเข้าชมงานกว่า 425 ราย ซึ่งคิดเป็นธุรกิจที่เคยมาแล้วกลับมาอีกถึง 55.5% โดยส่วนใหญ่มาจาก เอเชียตะวันออก (30.4%) ยุโรป (25.2%) อาเซียน เอเชียใต้และแปซิฟิกใต้ (20.9%) อเมริกา แอฟริกา และตะวันออกกลาง (11.3%) รวมถึงไทย (12.2%)

“งานนี้จะเป็นเวทีสำหรับการนัดหมายทางธุรกิจ 15,000 ครั้งระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย คาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยประมาณ 3 พันล้านบาท และกระจายกลับคืนสู่ชุมชนไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท”

    สำหรับงาน Thailand Travel Mart (TTM) จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2544 โดย ททท. และได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนมาโดยตลอด มีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับชื่อเสียงการท่องเที่ยวไทยให้เป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวในแต่ละปี ซึ่งงาน TTM Plus 2024 ในครั้งนี้จะจัดไปจนถึง วันที่ 7 มิถุนายน 2567 ณ โรงแรม เจดับบลิว แมริออท เขาหลัก จังหวัดพังงา

Tourism Minister and TAT Governor Open Thailand Travel Mart Plus 2024 (TTM+) to Promote Thai Tourism through Memorable Stories, Aiming to Generate at Least 30 Million Baht for Local Communities

          Today (June 5 2024) Mr. Sermsak Pongpanich, Minister of Tourism and Sports, presided over the opening ceremony of the Thailand Travel Mart Plus 2024 (TTM+) , a trade show for tourism products and services, alongside Ms. Thapanee Kiatphaibool, Governor of the Tourism Authority of Thailand (TAT) , Ms. Niracha Bunditchat, Deputy Governor of Phang Nga Province, and Mr. Lertsak Ponklin, President of the Phang Nga Tourism Association. The event took place at the JW Marriott Khao Lak Resort in Phang Nga Province.

         Minister of Tourism and Sports revealed that TTM Plus 2024 will be a significant platform to showcase the potential of Phang Nga and the southern Andaman provinces as a central hub for southern tourism. The region is renowned for its natural beauty and health and wellness tourism. Under the campaign "Amazing Thailand: Your Stories Never End," Thai tourism is being promoted through unforgettable stories and experiences.

        Ms. Thapanee Kiatphaibool, Governor of the Tourism Authority of Thailand (TAT) stated that TTM Plus 2024 is one of Thailand's most important B2B tourism trade shows and a key international tourism business promotion event. For the year 2024, over 425 businesses have registered to attend, with 55.5% being repeat participants. The majority come from East Asia (30.4%) , Europe (25.2%), ASEAN, South Asia, and the South Pacific (20.9%), the Americas, Africa, and the Middle East (11.3%), and Thailand (12.2%).

"This event will facilitate 15,000 business appointments between buyers and sellers, expected to generate approximately 3 billion baht for Thailand's tourism industry, with at least 30 million baht returning to local communities," said Ms. Thapanee.

       Thailand Travel Mart (TTM) was first held in 2001 by TAT, with ongoing collaboration from the private sector. The objective is to elevate the reputation of Thai tourism as a prime destination each year. This year's event will run until June 7 at the JW Marriott Khao Lak Resort in Phang Nga Province.

#สื่อสารองค์กรททท #AmazingThailand #TourismAuthorityOfThailand #การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย #TTM #ThailandTravelMartPlus2024 #พังงา




สำนักงานสถิติแห่งชาติ จัดเสวนาวิชาการ เชิญวิทยากรภาครัฐ-เอกชนร่วมถกประเด็น ขับเคลื่อนสังคมด้วยข้อมูลสถิติในยุค AI

สำนักงานสถิติแห่งชาติ จัดเสวนาวิชาการ 

เชิญวิทยากรภาครัฐ-เอกชนร่วมถกประเด็น
ขับเคลื่อนสังคมด้วยข้อมูลสถิติในยุค AI


  
     ดร.ปิยนุช วุฒิสอน ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ เป็นประธานเปิดการประชุมเสวนาวิชาการและนิทรรศการ ภายใต้แนวคิด “DATA is all around us: The New Era of AI-driven Society ขับเคลื่อนสังคมด้วยข้อมูลสถิติในยุคปัญญาประดิษฐ์” ในวันศุกร์ที่ 7 มิถุนายน 2567 ณ ห้องสยามพิมาน ฮอลล์ โรงแรม ดิแอทธินี โฮเทล แบงค็อก โดยเชิญทั้งเจ้าหน้าที่จากองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา สื่อมวลชน ตลอดจนประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมงาน ณ สถานที่จัดงานและผ่านช่องทางออนไลน์



       ซึ่งกิจกรรมเสวนาฯ นี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการส่งเสริมการนำข้อมูลสถิติและสารสนเทศไปใช้ประโยชน์ ที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการนำข้อมูลสถิติไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ



       ดร.ปิยนุช วุฒิสอน กล่าวว่า “สำนักงานสถิติแห่งชาติในฐานะหน่วยงานกลางทางด้านสถิติของประเทศ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีส่วนในการส่งเสริมการนำข้อมูลสถิติไปใช้ประโยชน์ เพราะข้อมูลสถิติจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อถูกนำไปใช้เท่านั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติได้พยายามส่งเสริมการนำสถิติและสารสนเทศไปใช้ประโยชน์ ตามความต้องการของแต่ละกลุ่ม User ไม่ว่าจะเป็น ภาครัฐ ภาคเอกชน นักวิจัย นักศึกษา หรือประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างการรับรู้ ตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลสถิติ และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม”



       การจัดกิจกรรมเสวนาวิชาการฯ และนิทรรศการในวันนี้ เป็นอีกกิจกรรมหนึ่ง ที่ทำให้เห็นถึงความสำคัญของข้อมูลสถิติในยุคปัจจุบันที่ว่ากันว่า Data ถูก Generate อยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อเทคโนโลยี AI ที่สามารถประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็ว โดยใช้กระบวนการเรียนรู้จากข้อมูล หรือ Machine Learning เพื่อสร้างโมเดลที่สามารถทำนายผลได้อย่างแม่นยำ เห็นได้ว่าข้อมูลสำคัญและมีผลกับทุกภาคส่วน เช่น ในภาครัฐข้อมูลและสถิติเป็นตัวบ่งชี้ว่าประเทศควรวางนโยบายแบบไหน ในภาคเอกชน/ภาคธุรกิจก็ต้องใช้ข้อมูลในการผลิต การตลาด หรือประชาชนก็ต้องใช้ข้อมูลในชีวิตประจำวัน


 
       โดยในการเสวนาวิชาการฯ ครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก รศ.ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (BDI) นายชาคริต ปิตานุพงศ์ ผู้อำนวยการกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนางหทัยชนก ชินอุปราวัฒน์ ผู้อำนวยการกองสถิติพยากรณ์ สำนักงานสถิติแห่งชาติ มาร่วม แลกเปลี่ยนทรรศนะในมุมมองของหน่วยงานภาครัฐ ถึงผลกระทบจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี AI ต่อการดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐในเรื่องข้อมูล/สถิติ และหน่วยงานภาครัฐควรปรับตัวอย่างไร ในหัวข้อ “The Future of Data in the AI Era: การขับเคลื่อนและใช้ประโยชน์จาก Data ในโลกยุค AI”



       และยังมีช่วงการเสวนาสำหรับมุมมองภาคเอกชน ในหัวข้อ “Leveraging Business with Data in the Age of AI: การใช้ประโยชน์จากข้อมูลเพื่อสร้างแต้มต่อให้ธุรกิจในยุค AI” โดย ดร.อสมา กุลวานิชไชยนันท์ CEO & Co-Founder บริษัท คอราไลน์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Data Management และ ดร. ธัญญา สัตยาอภิธาน ผู้จัดการส่วนพัฒนาดิจิทัลเทคโนโลยี บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด ได้มาร่วมแบ่งปันมุมมองในส่วนของผลกระทบจากเทคโนโลยี AI ต่อภาคธุรกิจ โดยได้แสดงถึงการนำข้อมูลและสถิติมาใช้ในการวางแผนเพื่อสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจในยุคนี้ ว่ามีความสำคัญมากแค่ไหน

       ผู้สนใจสามารถติดตามและใช้ประโยชน์ข้อมูลสถิติที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์จากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ผ่านหลากหลายช่องทาง ได้แก่ เว็บไซต์ www.nso.go.th  Facebook: NSOOFTHAILAND และ ช่องทาง Social media ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ หรือโทรศัพท์ 0 2141 7500-03

คิกออฟการเฉลิมฉลอง 10 ปี กรอบการค้า ชิลี-ไทย จัดใหญ่ Chile-ASEAN Business Summit เป็นครั้งแรกในกรุงเทพฯ นำนักธุรกิจพบปะจับคู่กระตุ

คิกออฟการเฉลิมฉลอง 10 ปี กรอบการค้า ชิลี-ไทย จัดใหญ่ Chile-ASEAN Business Summit เป็นครั้งแรกในกรุงเทพฯ   นำนักธุรกิจพบปะจับคู่กระตุ้นการค้า...