วันพุธที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

ต้อนรับการเปิดประเทศ หลังประเทศไทยยกเลิก Thailand Pass กับคาราวานท่องเที่ยว โครงการ “เมืองลพบุรี ไม่ได้มีแค่ลิง” ที่ สธทท. กับ ททท. ร่วมกันจัด

ต้อนรับการเปิดประเทศ หลังประเทศไทยยกเลิก Thailand Pass กับคาราวานท่องเที่ยว โครงการ เมืองลพบุรี ไม่ได้มีแค่ลิง ที่ สธทท. กับ ททท. ร่วมกันจัด


วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ประเทศไทยกลับมาสู่การเริ่มต้น โดยมีกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข วางแผนยุทธศาสตร์ ให้เริ่มทยอยเปิดประเทศ ตามพื้นที่เกาะต่างๆ จนถึงจังหวัดที่มีความพร้อม โดยมีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเชื่อมความเข้าใจรับรู้ให้กับภาครัฐ ภาคเอกชน สมาคม รวมถึงองค์กรต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในมาตราฐานทางสาธารณสุข





การท่องเที่ยวแห่งประเทศ (ททท.) “โครงการเที่ยวไทย 5 ภาค” โดยการนำของนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท. สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) นำโดยนายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ นายกสมาคม สธทท. และ Wanderlust Tour & Travel Consulting Co.,Ltd. โดยนายสมานนพพล รัตนธรรมทิตยา กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ ร่วมกันจัดคาราวานท่องเที่ยว โครงการ เมืองลพบุรี ไม่ได้มีแค่ลิง ดำเนินกิจกรรมควบคู่ตามแผนยุทธศาสตร์การเปิดประเทศ เพื่อส่งเสริมและกระจายรายได้สู่ชุมชนท้องถิ่น รวมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดลพบุรีให้เป็นที่รู้จักทั่วไปอย่างกว้างขวาง จึงได้นำนักท่องเที่ยวผู้ชื่นชอบขี่บิ๊กไบค์ จำนวน 100 คัน 150 คน รถบัส 1คัน 30 คน รถตู้ 2 คัน 20 คน ออกเดินทางสู่จังหวัดลพบุรี ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2565





โดยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มอบหมายให้นายเขมพล อุ้ยตยะกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีปล่อยขบวนคาราวานท่องเที่ยว โครงการ เมืองลพบุรี ไม่ได้มีแค่ลิง โดยมี นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ (ททท.)นายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ นายกสมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทยนายสมานนพพล รัตนธรรมทิตยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท วันเดอร์ลัสต์ ทัวร์ แอนด์ ทราเวล คอนซัลติ้ง จำกัด, ดร.สุเทพ อารมณ์รักษ์ ประธานการตลาดภูมิภาคภาคกลาง สธทท. คุณชนัฐมนทน์  เงินวิวัฒน์กูล  ประธานการตลาดภูมิภาคภาคใต้ สธทท. คุณกัญญ์วรัณ แผ่พร รองประธานการตลาดภูมิภาคภาคเหนือ สธทท. คุณโสดารินทร์  ธนเนืองโรจน์ ประธานภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สธทท. และนายพูนผล  แพทอง ประธานภูมิภาคภาคตะวันออก สธทท.,  นายวิรัติ แข็งขัน ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดพระนครศรีอยุธยาผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานอยุธยาชมรม ไทยแลนด์ โกลด์วิง ไรเดอร์ คลับชมรม ไลออน เนเวอร์ ดาย และชมรมสื่อสร้างสรรค์เพื่อการท่องเที่ยว เข้าร่วมนพิธี ณ ปั๊มน้ำมัน พีที บางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา




นายเขมพล อุ้ยตยะกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศไทยเป็นฟันเฟืองที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย ขอชื่นชมแนวคิดและนโยบายการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รวมทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชน ในความร่วมมือร่วมใจที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้กลับมาสดใส สร้างความมั่นใจให้กับทั้งนักท่องเที่ยว และกลุ่มผู้ประกอบการในบรรยากาศของการท่องเที่ยวที่กำลังเริ่มฟื้นตัว อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมประชาสัมพันธ์ และช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศ





ด้านนายสมานนพพล รัตนธรรมทิตยา กรรมการผู้จัดการบริษัท Wanderlust Tour & Travel Consulting Co.,Ltd. และเป็นกรรรมการ สธทท. กล่าวถึงการจัดคาราวานท่องเที่ยว โครงการ เมืองลพบุรี ไม่ได้มีแค่ลิง” และทำไมต้องเดินทางวันที่ 2 กรกฎาคม 2565 ว่า เราทราบมาล่วงหน้าว่า วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ประเทศไทยกลับมาสู่การเริ่มต้นให้เริ่มทยอยเปิดประเทศ ประกาศยกเลิก Thailand Pass เพื่อประชาสัมพันธ์ให้เกิดภาพการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยของคนในประเทศและต่างประเทศ เราจึงเลือกวันนี้เป็นวันเดินทาง ส่วนที่เลือกเมืองลพบุรี เมืองสมเด็จพระนารายณ์มหาราช  เพราะว่าสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นพระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่เลื่องลือพระเกียรติยศในพระราโชบายทางคบค้าสมาคมกับชาวต่างประเทศ รักษาเอกราชของชาติให้พ้นจากการเบียดเบียนของชาวต่างชาติ และรับผลประโยชน์ทั้งทางวิทยาการและเศรษฐกิจที่ชนต่างชาตินำเข้ามา นอกจากนี้ยังได้ทรงอุปถัมภ์บำรุงกวีและงานด้านวรรณคดีอันเป็นศิลปะที่รุ่งเรืองที่สุดในยุคนั้น อาชีพที่ควรบูชาองค์สมเด็จพระนารายณ์มหาราชนั่นก็คือ “อาชีพค้าขายเกี่ยวกับงานต่างประเทศ” เช่น นักการฑูต หรือไม่เว้นแต่งานที่ติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ อาชีพข้าราชการ ครู ทหาร ตำรวจ และรวมไปถึงรัฐวิสาหกิจ การสื่อสาร การธนาคาร การแพทย์ นอกจากนี้ก็เหมาะกับนักเรียน นักศึกษา และรวมไปถึงศิลปิน นักแสดง เป็นต้น เราจึงเลือกเมืองลพบุรี และสักการะนุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราช

และขอให้การท่องเที่ยว หนึ่งในฟันเฟืองที่สำคัญของเศรษฐกิจประเทศไทยให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองดังสมัยท่าน ที่ต่างชาตินานาชาติยอมรับพร้อมการพัฒนาประเทศในหลายๆ มิติ และต้องขอขอบคุณเพื่อร่วมเดินทางทุกท่านที่ร่วมแสดงพลังให้ภาครัฐเห็นถึงศักยภาพนักท่องเที่ยวแบบบิ๊กไบค์ ที่เป็นกลุ่มขับเคลื่อนในช่วง โควิด และหลังโควิดต่อไป

#เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้

#เที่ยวเมืองไทยAmazingยิ่งกว่าเดิม

#เที่ยวไทย 5 ภาค

#สธทท.พาเที่ยว

#wanderlustth

#เที่ยวสนุกรถสวยกลับบ้าน

#ททท.ลพบุรี

 

 

 

วันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

นิทรรศการกวีทรรศน์ "เสรี-กวี-ศิลป์" โดยจิระนันท์ พิตรปรีชา วันศุกร์ที่ 1 ก.ค.2565

นิทรรศการกวีทรรศน์  "เสรี-กวี-ศิลป์" 

โดยจิระนันท์ พิตรปรีชา วันศุกร์ที่ 1 ก.ค.2565

          ขอเชิญร่วมงานเปิดนิทรรศการกวีทรรศน์  "เสรี-กวี-ศิลป์" โดย จิระนันท์ พิตรปรีชา ในวันศุกร์ที่ 1 กรกฎาคม 2565 เวลา16:00 น. วงน้ำชากาแฟ พูดคุยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน  และเวลา 18.00น. พิธีเปิดนิทรรศการ ณ ล็อบบี โรงแรมเพนนินซูลา ถนนเจริญนคร คลองสาน

                  นิทรรศการกวีทรรศน์  "เสรี-กวี-ศิลป์" นี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการศิลปินพำนัก Artists in Residence ซึ่งทางโรงแรมเพนนินซูลาจัดขึ้นเพื่อสนับสนุนการสร้างผลงานใหม่ของศิลปินและนักเขียนไทย  สำหรับงานของจิระนันท์ พิตรปรีชา ชุดนี้   นำเสนอบทกวีในรูปแบบงานศิลปะแขนงต่างๆ แทนการจัดพิมพ์เป็นเล่มหนังสือ   มีทั้งงานจิตรกรรม ภาพถ่าย ศิลปะติดตั้ง (installation art) สื่อผสมแนว collage และ ศิลปะภาพทอ (textile art)  เพื่อสร้าง ประสบการณ์ ใหม่ในการสื่อและเสพสุนทรียรสแห่งภาษาศิลป์


                โดยมีเนื้อหาของบทกวีมีความหลากหลาย สะท้อนชีวิต สังคม การเมือง ปรัชญา ธรรมชาติ ฯลฯ จากมุมมองของผู้ประพันธ์   นิทรรศการชุดนี้จึงมีชื่อว่า Poetic License ซึ่งหมายถึง เอกสิทธิของนักเขียนที่จะถ่ายทอด ตีความ ใช้จินตนาการ สร้างสรรค์ และแสดงออกอย่างอิสระไร้กรอบกฏ    โดยใช้ชื่อภาษาไทยว่า นิทรรศการ "เสรี-กวี-ศิลป์"


ผู้สนใจติดต่อ:  เขมวันต์  แตงอ่อน ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาดและภาพลักษณ์องค์กร The Peninsula Bangkok โทร: 020 2888 ต่อ6608  อีเมล์:  ktangon@peninsula.com



                                                                                                          

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ส่งต่อสายธารศรัทธา ช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิตที่ยากไร้ และผู้เสียชีวิตที่ไร้ญาติลงพื้นที่มอบโลงศพบริจาคแก่วัด และสำนักสงฆ์ ที่ขาดแคลนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ส่งต่อสายธารศรัทธา ช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิตที่ยากไร้ และผู้เสียชีวิตที่ไร้ญาติลงพื้นที่มอบโลงศพบริจาคแก่วัด และสำนักสงฆ์ ที่ขาดแคลนทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด


         มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ มอบหมายให้นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ฯ จัดทีมเจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครมูลนิธิฯ นำโดย นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย รักษาการหัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ ลงพื้นที่มอบโลงศพที่ได้รับจากการทำบุญบริจาค มอบให้กับวัดที่ขาดแคลน รวม 7 แห่ง 5 จังหวัด  ประกอบด้วย วัดดวงแข  เขตปทุมวัน  วัดธาตุทอง  เขตวัฒนา และวัดลาดปลาเค้า เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ วัดห้วยทราย  อำเภอหนองแค  จังหวัดสระบุรี วัดหุบบอนวนาราม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี วัดวังซ่าน อำเภอแม่วงก์ จังหวัดนครสวรรค์ และวัดถ้ำพรหมโลกเขาใหญ่  อำเภอไทรโยค  จังหวัดกาญจนบุรี รวมจำนวนโลงศพทั้งสิ้น 870 ใบ รวมงบประมาณเป็นเงิน 696,000 บาท (หกแสนเก้าหมื่นหกพันบาทถ้วน) เพื่อช่วยเหลือญาติผู้เสียชีวิตที่ยากไร้ และผู้เสียชีวิตที่ไร้ญาติ ระหว่างวันที่ 20 มิถุนายน – 2 กรกฎาคม 2565



         สำหรับวัด สำนักสงฆ์ และหน่วยงานสาธารณกุศลที่ขาดแคลนโลงศพเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โทร 0-2225-0020 ต่อ ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ในวัน – เวลาราชการ



         มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาทุกท่านที่ได้ร่วมกันทำบุญบริจาค ทรัพย์ สิ่งของ เครื่องอุปโภคบริโภค สนับสนุนกิจกรรมสาธารณกุศลของมูลนิธิฯ ตลอดมา ทำให้มูลนิธิฯ สามารถขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ  ศาสนา  เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงการพัฒนาด้านการศึกษา เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung

#ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##

#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418

#ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน 

ขบวนพาเหรดสุดอลังการส่งท้าย Pride Month “ We All Pride Bangkok ” @ SIAM SQUARE WALKING STREET

ขบวนพาเหรดสุดอลังการส่งท้าย Pride Month “ We All Pride Bangkok ” @ SIAM SQUARE WALKING STREET

             สยามสแควร์สุดอลังการเต็มไปด้วยสีสัน คึกคักตลอดเส้นทาง Walking Street ด้วยขบวนพาเหรดกว่า 30 ขบวน ต้อนรับ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมงาน “We All Pride Bangkok”  ตอกย้ำความเท่าเทียมความหลากหลายทางเพศ เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565

               นายชัชชาติ  สิทธิพันธุ์  ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมงาน  “We All Pride Bangkok” ครั้งที่ 1 ประจำปี 2565 ซึ่งสมาคมบุคคลข้ามเพศแห่งประเทศไทย ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกระเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน และสมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย ในนามคณะกรรมการ GEN-ACT จัดขึ้นเพื่อแสดงออกถึงความเข้าใจและยอมรับ และสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQIA+ ไม่เลือกปฏิบัติอยู่ด้วยกันในสังคมด้วยความเข้าใจทั้งด้านความอ่อนไหวทางเพศและแสดงออกถึงความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งเดือนมิถุนายนถือว่าเป็นเดือนของ Pride Month เป็นการแสดงถึงการยอมรับความหลากหลายทางเพศ

        
          ภายในงานประกอบด้วยการเปิด (ร่าง) พระราชบัญญัติรับรองอัตลักษณ์ทางเพศสภาพการแสดงออกทางเพศสภาพและ คุณลักษณะทางเพศ ”The Gender Identity, Gender Expression, And Sex Characteristics Act/B.E.256X (GEN-ACT) พร้อมชมโชว์จากศิลปินหลากหลาย อาทิ คุณปุริมปรัชญ์ ไชยะคำ คุณเจินเจิน บุญสูงเนิน และการแสดงคาบาเร่ต์จากคัชชาโชว์ หมู่บ้านช้างพัทยา ณ โรงภาพยนตร์ ลิโด้ คอนเน็ค 


            พร้อมร่วมเฉลิมฉลองโครงการ “We All Pride Bangkok” ด้วยขบวนพาเหรดจากบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศที่บ่งบอกความเป็นตัวตนโดยมีทั้งขบวนพาเหรดของเหล่าศิลปิน ดารา นางงาม องค์กรภาคี และวงโยธวาทิตจากหลากหลายองค์กร จำนวน 30 ขบวน มาร่วมกันสร้างความคึกคึกสนุกสนาน ทำให้สยามสแควร์มีสีสันสวยงามละลานตาตลอดระยะทางกว่า 300 เมตร  ณ Siam Square Walking Street  


“บิ๊กป้อม” พบผู้ประกอบการ ในงาน “น้ำบาดาลเพิ่มมูลค่า พัฒนาเศรษฐกิจไทย” ชู “น้ำบาดาล” เป็นแหล่งน้ำต้นทุนขับเคลื่อนการผลิตภาคธุรกิจอุตสาหกรรม พร้อมหนุนสำรวจหาแหล่งน้ำบาดาลใหม่

“บิ๊กป้อม” พบผู้ประกอบการ ในงาน “น้ำบาดาลเพิ่มมูลค่า พัฒนาเศรษฐกิจไทย” ชู “น้ำบาดาล” เป็นแหล่งน้ำต้นทุนขับเคลื่อนการผลิตภาคธุรกิจอุตสาหกรรม พร้อมหนุนสำรวจหาแหล่งน้ำบาดาลใหม่

           พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) และผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เป็นประธานเปิดการประชุมสร้างภาคีเครือข่ายผู้ประกอบกิจการน้ำบาดาล ภายใต้แนวคิด “น้ำบาดาลเพิ่มมูลค่า พัฒนาเศรษฐกิจไทย” โดยมีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและผู้ประกอบการภาคธุรกิจอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำบาดาลในกระบวนการผลิต มาร่วมให้การต้อนรับ ที่โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2565

          พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยมีธุรกิจภาคอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้มีการใช้น้ำบาดาลในกระบวนการผลิตในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่ม อาหารและยา ฟอกย้อม สิ่งทอ ฟอกหนัง กระดาษ ยางรถยนต์ งานอิเล็กทรอนิกส์ ห้องเย็น ผลิตเหล็กแผ่นเคลือบ และอื่นๆ

และมีแนวโน้มการใช้น้ำบาดาลเพิ่มมากขึ้นทุกๆ ปี ซึ่งรัฐบาลก็ได้ให้ความสำคัญและเร่งดำเนินการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศอย่างเป็นระบบและยั่งยืน โดยเฉพาะน้ำบาดาลที่เป็นแหล่งน้ำต้นทุนและเป็นปัจจัยหลักขับเคลื่อนการผลิตของภาคธุรกิจอุตสาหกรรมนั้น รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยกรมทรัพยากรน้ำบาดาลสำรวจหาแหล่งน้ำบาดาลใหม่ในระดับความลึกมากกว่า 600-1,000 เมตรขึ้นไป ที่มีศักยภาพสูงและคุณภาพดี รวมถึงการขยายพื้นที่สำรวจหาแหล่งน้ำบาดาล บนเกาะต่างๆ ของประเทศไทย เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต ช่วยสร้างความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับการลงทุน และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ประกอบการ

              ด้านนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ปัจจุบันการใช้น้ำบาดาลในภาคธุรกิจมีจำนวนมากและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเนื่องจากกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลการประกอบกิจการน้ำบาดาลตามพระราชบัญญัติน้ำบาดาล พ.ศ. 2520 จึงได้จัดการประชุมสร้างภาคีเครือข่ายผู้ประกอบกิจการน้ำบาดาล ภายใต้แนวคิด “น้ำบาดาลเพิ่มมูลค่า พัฒนาเศรษฐกิจไทย” ครั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนมีความมั่นใจในการใช้น้ำบาดาลอย่างมั่นคงและยั่งยืน เสริมสร้างองค์ความรู้   ด้านการประกอบกิจการน้ำบาดาล สร้างความตระหนักรู้ในการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำบาดาล โดยเชิญผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และผู้ประกอบการภาคธุรกิจอุตสาหกรรมที่ใช้น้ำบาดาลในกระบวนการผลิต รวมทั้งสิ้นกว่า 1,200 ราย ร่วมประชุมสร้างภาคีเครือข่ายผู้ประกอบกิจการน้ำบาดาล

        โดยในภาคเช้ามีการเสวนา เรื่อง “น้ำบาดาลเพิ่มมูลค่า พัฒนาเศรษฐกิจไทย” ได้รับเกียรติจากวิทยากร จำนวน 4 ท่าน ได้แก่ รศ.ดร.เจษฎา  แก้วกัลยา ผู้ทรงคุณวุฒิในคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ดร.อรนุช หล่อเพ็ญศรี รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายธันยพัฒน์ มั่นณิชนันทน์ รองประธานคณะกรรมการสถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ ดร.ศรัณยู อินทาทอง ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาดวิวัลก้า  และผู้จัดการโรงงานบริษัท ทีทีซี น้ำดื่มสยาม จำกัด โดยมีนางสาวชุติมา พึ่งความสุข ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการเสวนา 

ส่วนในภาคบ่ายมีการบรรยายอีก 2 หัวข้อ ดังนี้ “การขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการน้ำบาดาล และหน้าที่ของผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการน้ำบาดาล ตามพระราชบัญญัติน้ำบาดาล พ.ศ. 2520” โดย ดร.รวมทรัพย์ คะเนะดะ ผู้อำนวยการสำนักควบคุมกิจการน้ำบาดาล กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และ “ระบบบริการอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) สำหรับการประกอบกิจการน้ำบาดาล” โดย นายสุชาติ ชินวรรณโชติ นักธรณีวิทยาชำนาญการพิเศษ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล

           ส่วนนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีบ่อน้ำบาดาลมากกว่า 200,000 บ่อ แบ่งเป็น บ่อราชการ จำนวน 82,000 บ่อ และบ่อเอกชน จำนวน 120,000 บ่อ มีปริมาณการใช้น้ำบาดาลปีละกว่า 14,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ส่วนบ่อน้ำบาดาลที่ได้รับใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมายเพื่อใช้ประกอบกิจการในภาคธุรกิจอุตสาหกรรมมีมากกว่า 31,000 บ่อ มีสัดส่วนการใช้น้ำบาดาลปีละกว่า 380 ล้านลูกบาศก์เมตร ภาครัฐสามารถจัดเก็บรายได้ค่าใช้น้ำบาดาลปีละกว่า 1,680 ล้านบาท ซึ่งน้ำบาดาลถูกนำไปใช้ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะภาคธุรกิจอุตสาหกรรมมีการใช้น้ำบาดาลเป็นวัตถุดิบในกระบวนการผลิตทั้งทางตรงและทางอ้อมเป็นจำนวนมาก อาทิ อุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร เครื่องดื่ม สิ่งทอ กระดาษ ปูนซีเมนต์ ที่พักแรม และอสังหาริมทรัพย์

            ทั้งนี้ ในปี 2564 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศจากภาคธุรกิจที่มีการใช้น้ำบาดาลมีมูลค่าถึง 7.6 ล้านล้านบาท (ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศมีมูลค่า 16.2 ล้านล้านบาท) หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 47 ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ ดังนั้น ผู้ประกอบกิจการน้ำบาดาลทุกท่าน จึงเปรียบเสมือนลูกค้าของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เนื่องจากเป็นผู้ขออนุญาตใช้น้ำบาดาลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และมีการชำระค่าใช้น้ำบาดาล รวมถึงค่าอนุรักษ์น้ำบาดาล (กรณีเป็นผู้ประกอบกิจการน้ำบาดาลที่อยู่ในพื้นที่เขตวิกฤตการณ์น้ำบาดาล 7 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร พระนครศรีอยุธยา และนครปฐม) เพื่อส่งคืนเป็นรายได้แผ่นดินที่สามารถนำไปพัฒนาประเทศต่อไป




คิกออฟการเฉลิมฉลอง 10 ปี กรอบการค้า ชิลี-ไทย จัดใหญ่ Chile-ASEAN Business Summit เป็นครั้งแรกในกรุงเทพฯ นำนักธุรกิจพบปะจับคู่กระตุ

คิกออฟการเฉลิมฉลอง 10 ปี กรอบการค้า ชิลี-ไทย จัดใหญ่ Chile-ASEAN Business Summit เป็นครั้งแรกในกรุงเทพฯ   นำนักธุรกิจพบปะจับคู่กระตุ้นการค้า...